
"...เหล่านี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับที่ปรึกษาของนายอนุทิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ทั้ง 7 ราย ซึ่งจะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดของนายอนุทินและนายเนวิน ชิดชอบ..."
ISRA-SPECIAL : เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย 7 ราย ได้แก่
1. นายสรอรรถ กลิ่นประทุม
2. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์
3. นายวุฒิสาร ตันไชย
4. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์
5. พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข
6. นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ
7. นายชัยวัฒน์ ศรีวิภาสถิตย์

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวมข้อมูลแต่ละคนมาไว้ที่นี้แล้ว มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
@ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม

นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ชื่อเล่น ตุ้ย เกิดวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2499 ที่อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรีเป็นบุตรของ นายทวิช กลิ่นประทุม อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับนางอารมณ์ กลิ่นประทุม สมรสกับนางพรรัตน์ กลิ่นประทุม จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยไอโอวาสเตต ประเทศสหรัฐอเมริกา สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และสถิติ และระดับปริญญาโทจาก Catholic University Washington D.C. ประเทศสหรัฐอเมริกา สาขาการจัดการวิศวกร
นายสรอรรถ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี สังกัดพรรคชาติไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2533 ต่อมาได้ปรับไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลเดียวกัน และเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลชาติชาย (ครม.46) ในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชาได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จนกระทั่งปี พ.ศ. 2539 จึงย้ายมาสังกัดพรรคความหวังใหม่ และในรัฐบาลของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เขาก็ได้รับตำแหน่งเดิมต่อจากรัฐบาลที่แล้ว นอกจากนั้นเขายังเป็นหนึ่งใน สส.กลุ่ม 16 อีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2544 นายสรอรรถ ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย และได้รับมอบหมายหน้าที่เป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในปี พ.ศ. 2548 ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549
ต่อมา สส. ในกลุ่มของนายสรอรรถ จึงได้ย้ายเข้ามาสังกัดพรรคพลังประชาชน จนกระทั่งเมื่อมีการยุบพรรคพลังประชาชน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 กลุ่มของนายสรอรรถ จึงได้เข้ามาร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่มเพื่อนเนวิน และกลุ่มอื่น ๆ ในนามพรรคภูมิใจไทย
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ยังนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในฐานะแกนนำกลุ่ม ส.ส. ซึ่งสื่อมวลชนให้ชื่อกลุ่มแกนนำนี้ว่า "8ส.+ส.พิเศษ" อันประกอบด้วย สมศักดิ์ เทพสุทิน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล สุวิทย์ คุณกิตติ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ สนธยา คุณปลื้ม และสรอรรถ กลิ่นประทุม ส่วน ส.พิเศษ คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
อีกด้านหนึ่งนายสรอรรถ ใช้เวลาในระหว่างถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง (พ.ศ. 2553) เข้ารับการศึกษาหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ของสถาบันวิทยาการตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในรุ่นที่ 11 และเป็นรุ่นเดียวกันกับนักการเมืองชื่อดังอีกหลายคน อาทิ นายประจวบ ไชยสาส์น นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ฯลฯ
หลังพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นายสรอรรถ ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคและประธานที่ปรึกษาพรรค เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ในชุดที่มีอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 6 แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 5 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส. อีกสมัย
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 11 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยได้รับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อเพียง 3 ที่นั่ง
@ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2502 บิดาประกอบอาชีพเป็นช่างไฟฟ้าส่วนมารดาค้าขายเสื้อผ้าในตลาด ทั้งบิดามารดาของสมคิดมีเชื้อสายเป็นคนจีน และมีพื้นเพเป็นคนกรุงเทพมหานคร ย่านบุคคโล ฝั่งธนบุรี บิดามารดาเดิมสกุล แซ่เล แต่สมคิดได้ตั้งนามสกุล "เลิศไพฑูรย์" ขึ้นมา โดยมีคำรณ บุญเชิด (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย) น้าชาย เป็นผู้ตั้งให้
ใน พ.ศ. 2540 นายสมคิดสมรสกับ นางสาวฉัตรแก้ว นิธิอุทัย ทั้งคู่มีบุตรชายฝาแฝด คือ นายฐากร และนายฐากูร เลิศไพฑูรย์
นายสมคิด สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนสมจิตร ระดับประถมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนวัดประยุรวงศาวาส ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนวัดราชโอรส และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นายสมคิดสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับ สุรพล นิติไกรพจน์, อภิชาติ ดำดี, วสันต์ ภัยหลีกลี้, วิฑูรย์ นามบุตร, นพดล ปัทมะ, อัญชลี วานิช เทพบุตรและบุญสม อัครธรรมกุล สมัยนั้นเคยทำกิจกรรมในพรรคแสงธรรม องค์การนักศึกษา และสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายสมคิดได้เป็นเนติบัณฑิตไทยในปี พ.ศ. 2527 จากนั้นได้ทุนจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปารีส 2 ประเทศฝรั่งเศส สำเร็จปริญญาโทและปริญญาเอกทางกฎหมายมหาชน ในปี พ.ศ. 2530 และ พ.ศ. 2533 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้ประกาศนียบัตร หลักสูตรการปกครองท้องถิ่น จากประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2537 ด้วย
นายสมคิดเริ่มทำงานในคณะกรรมการข้าราชการพลเรียน แต่ทำได้เดือนเดียวก็ลาออก จากนั้นผ่านการสอบคัดเลือกเข้าเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ที่ 1 ในปี พ.ศ. 2525 ได้สอนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายปกครอง ต่อมาได้เป็นเป็นผู้ช่วยรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อนึ่ง นายสมคิดยังเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ และมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ฯลฯ เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยทักษิณ ประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
นอกจากประสบการณ์ในด้านมหาวิทยาลัยแล้ว นายสมคิด ยังมีประสบการณ์อื่นอีก เช่น เป็นกรรมการสถาบันพระปกเกล้า กรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ใน พ.ศ. 2550 ตลอดจนเป็นกรรมการสนับสนุนระบบจังหวัดแบบบูรณาการ สำนักนายกรัฐมนตรี อนุกรรมการข้าราชการพลเรือนวิสามัญ เกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ทรงคุณวุฒิประจำศาลรัฐธรรมนูญ ผู้เชี่ยวชาญประจำศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานศาลปกครองและรองประธานกรรมการ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
@ นายวุฒิสาร ตันไชย

นายวุฒิสาร ตันไชย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิต (วท.บ.) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระดับปริญญาโท พัฒนบริหารศาสตร์มหาบัณฑิตทางรัฐประศาสนศาสตร์ (พบ.ม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ Master of Policy Science (International Program), Saitama University (GRIPS), Japan และระดับปริญญารัฐประศาสนศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารกิจการสาธารณะ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
นายวุฒิสารเคยดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (ลําดับที่ 192) คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2557 กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550) สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550) คณะกรรมการ (Board of Directors) สถาบันวิจัยเพือการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ)
นอกจากนี้ยังปรากฏข้อมูลว่านายวุฒิสารเป็นนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบรุ่น 90 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันกับนายเนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองชื่อดัง
@ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ เกิดเมื่อ 12 มี.ค. พ.ศ. 2508 สำเร็จการศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในปี 2565 และได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมการปกครองในปี 2567 ต่อมาในปี 2568 ถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการ
@ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข

พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 34 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีรัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ระดับปริญญาโทวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และปริญญาโทนิติศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
พ.ต.อ. ประเวศน์ เคยดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ และประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในปี 2566-2567 ปรากฏข้อมูลว่าเคยดำรงตำแหน่งคณะที่ปรึกษา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นอกจากนี้ พ.ต.อ. ประเวศน์ ยังเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีบุกรุกพื้นที่เขาแพง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ในปัจจุบันพ.ต.อ.ประเวศน์ ยังดำรงตำแหน่งเลขานุการประจำประธาน กสทช. (ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์) ซึ่งระเบียบคณะกรรมการกสทช.ว่าด้วยการจ้างที่ปรึกษา ผู้ปฏิบัติงาน เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ประจำคณะกรรมการกสทช. พ.ศ. 2553 ข้อ 5 ที่ระบุถึงคุณสมบัติทั่วไปและลักษณะต้องห้าม โดย
(5) ระบุว่า ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง
และ (6) ระบุว่า ไม่เป็นที่ปรึกษาหรือพนักงาน ลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งจากระเบียบการดังกล่าว ทำให้ เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การที่นายอนุทิน แต่งตั้ง พ.ต.อ. ประเวศน์ เป็น ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะทำให้ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ในการเป็นเลขานุการประจำ ประธาน กสทช. หรือไม่
@ นายชัยวัฒน์ ศรีวิภาสถิตย์

นายชัยวัฒน์ ศรีวิภาสถิตย์ ปรากฏข้อมูลว่านายชัยวัฒน์ เคยดำรงตำแหน่ง กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม เพื่อสมัครขอรับทุนการศึกษาไปเรียนภาษาจีน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน กรรมการอิสระบริษัท เอ็มอีเอ สมาร์ทเอนเนอร์ยี่โซลูชั่นส์ จำกัด คณะที่ปรึกษานายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
@ นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ
นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ผู้ก่อตั้งบริษัท ทราฟฟิก คอนเนอร์ เข้าทำงานครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หลังจากลาออกจากผู้จัดการฯ นายทองเจือไปทำงานให้กับนายนิกร จำนง ในพรรคชาติไทย ทำให้นายทองเจือรู้จักกับนายเนวิน ชิดชอบ
ทั้งนี้ปรากฏข้อมูลว่านายทองเจือ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด และดำรงตำแหน่งคณะที่ปรึกษา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เหล่านี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับที่ปรึกษาของนายอนุทิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ทั้ง 7 ราย ซึ่งจะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดของนายอนุทินและนายเนวิน ชิดชอบ
ส่วนที่ปรึกษาทั้ง 7 รายนี้จะมีบทบาทในรัฐบาลอนุทินอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา