
"...จำเลยแจ้งว่าจะช่วยกันนางสาว ณ. ไว้เป็นพยาน ไม่ต้องถูกดำเนินคคีอาญา แต่ขอให้จ่ายค่าดูแลแก่จำเลยเป็นเงิน 200,000 บาท ทำให้นางสาว ณ. เกิดความเกรงกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีอาญาจึงยินยอมจ่ายเงิน 200,000 บาท ผ่านผู้รับเงินแทนจำเลย รวม 2 ครั้งๆ ละ 100,000 บาท แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางสาว ณ. ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่จำเลยเป็นคณะพนักงานสืบสวนดังกล่าวแต่อย่างใด..."
เป็นอีกหนึ่งคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน!
สำหรับคดีกล่าวหา นายสรรเสริญ ธรรมโชติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับพวก ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้ผู้ให้ถ้อยคำในคดีมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง โดยอ้างว่าจะไม่ดำเนินคดีกับผู้ให้ถ้อยคำและจะกันไว้เป็นพยาน ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 157 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
โดยเมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาว่า นายสรรเสริญ ธรรมโชติ จำเลยมีความผิดตามกฏหมาย ให้ลงโทษตามมาตรา 148 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 7 ปี

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบยืนยันข้อมูลคำพิพากษาคดีนี้พบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
หนึ่ง. : เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ สอบคดีสำคัญหลอกขายเงินดิจิทัล สกุลวันคอยน์
คดีนี้ อัยการสูงสุด พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคดีให้ ป.ป.ช.
โดยขณะเกิดเหตุ นายสรรเสริญ ธรรมโชติ จำเลยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ ส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 1 กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีอำนาจหน้าที่ช่วยเหลือพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการปฏิปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 3 23/1 และได้แต่งตั้งเป็นพนักงานสืบสวนและเลขานุการในคณะพนักงานสืบสวน ตามคำสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 1942/2561 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2561 และเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนสืบสวน เลขที่ 261/2561 กรณีมีกลุ่มบุคคลใช้ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ประเภทแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก (Facebook) แอปพลิเคชันไลน์ (Line) และแอปพลิเคชันยูทูบ (Youtube) ชักชวนประชาชนทั่วไปให้ร่วมลงทุนซื้อขายเงินดิจิทัล สกุลวันคอยน์ (OneCoin)
(นอกจากนี้ นายสรรเสริญ ยังเคยเป็นเลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีบริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด ชักชวนให้สมัครสมาชิกและลงทุนในโปรแกรมระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส Smart Topup System (STS) เมื่อปี 2559 มูลค่าความเสียหาย 102,460,542 บาท ด้วย)
จึงถือว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4
สอง. : ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเรียกเงิน 200,000 บาท
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเรียกเงิน 200,000 บาท จากนางสาว ณ. (สงวนชื่อ-นามสกุล) โดยอ้างว่า นางสาว ณ. ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนซื้อขายเงินดิจิทัล สกุลวันคอยน์ (OneCoin) มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้กระทำความผิดที่ชักชวนให้ประชาชนทั่วให้ร่วมลงทุนซื้อขายเงินดิจิทัลดังกล่าว
สาม. อ้างช่วยกันตัวเป็นพยาน แต่ขอให้จ่ายค่าดูแล
จำเลยแจ้งว่าจะช่วยกันนางสาว ณ. ไว้เป็นพยาน ไม่ต้องถูกดำเนินคคีอาญา แต่ขอให้จ่ายค่าดูแลแก่จำเลยเป็นเงิน 200,000 บาท ทำให้นางสาว ณ. เกิดความเกรงกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีอาญาจึงยินยอมจ่ายเงิน 200,000 บาท ผ่านผู้รับเงินแทนจำเลย รวม 2 ครั้งๆ ละ 100,000 บาท
แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางสาว ณ. ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่จำเลยเป็นคณะพนักงานสืบสวนดังกล่าวแต่อย่างใด
สี่. ขอเพิ่มอีก 2,000,000 บาท แลกช่วยไม่ดำเนินคดีอาญา
ต่อมาในช่วงระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ถึงประมาณกลางเดือนกันยายน 2562 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เรียกเงินจากนางสาว ณ. เพิ่มอีก 2,000,000 บาท เพื่อแลกกับการที่จะช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีอาญาดังกล่าว
แต่นางสาว ณ. ไม่ยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลย และได้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีแก่จำเลยเป็นคดีนี้
เบื้องต้น จำเลยให้การปฏิเสธ
ก่อนที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะมีคำพิพากษาชี้ขาดว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมาย และให้ลงโทษตามมาตรา 148 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 7 ปี ตามที่สำนักข่าวอิศรา นำเสนอข่าวไปแล้ว

อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
ผลการต่อสู้ในชั้นศาลสูง จะออกมาเป็นอย่างไร ติดต่อดูกันต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา