"...ภายใต้โครงสร้างการบริหารงานใหม่ มีการแบ่งกลุ่มภารกิจออกเป็น 7 กลุ่ม ในกลุ่มที่ขึ้นตรงกับเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีจุดเด่นอยู่ตรงที่สำนักไต่สวนคดีพิเศษ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการสอบสวนคดีมากขึ้น ทั้งคดีที่อยู่ความสนใจของประชาชน คดีความเสียหายจำนวนมาก คดีกระทบกับความมั่นคง คดีซับซ้อนที่ต้องใช้เทคนิค รวมไปถึงคดีค้างเกิน 10 ปี จะถูกดึงออกมา ให้ไปอยู่ในข่ายการดำเนินงานของ สำนักคดีพิเศษไต่สวน ทั้งหมด..."
ปรากฏข่าวมาเป็นระยะๆ ว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมที่จะผ่าตัดปรับโครงสร้างอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการในสังกัดใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และกระบวนการทำงานสอบสวนคดีทุจริตต่างๆ ให้มีคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่องการแบ่งส่วนราชการและหน้าที่และอำนาจของส่วนราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2568 รวมจำนวนหน่วยงาน 128 สำนัก 1 สถาบัน และ 1 กลุ่มงาน เป็นทางการแล้ว
ในประกาศฉบับดังกล่าว ระบุเหตุผลเป็นทางการว่า เพื่อรองรับภารกิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และคล่องตัวยิ่งขึ้น สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ภายใต้โครงสร้างการบริหารงานใหม่ มีการแบ่งกลุ่มภารกิจออกเป็น 7 กลุ่ม ในกลุ่มที่ขึ้นตรงกับเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีจุดเด่นอยู่ตรงที่สำนักไต่สวนคดีพิเศษ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการสอบสวนคดีมากขึ้น ทั้งคดีที่อยู่ความสนใจของประชาชน คดีความเสียหายจำนวนมาก คดีกระทบกับความมั่นคง คดีซับซ้อนที่ต้องใช้เทคนิค รวมไปถึงคดีค้างเกิน 10 ปี จะถูกดึงออกมา ให้ไปอยู่ในข่ายการดำเนินงานของ สำนักคดีพิเศษไต่สวน ทั้งหมด
นอกจากนี้ ภายใต้โครงสร้างการบริหารงานใหม่ จะมีการแยกย่อยสำนัก ตรวจสอบทรัพย์สิน และสำนักไต่สวนออกเป็นหลายสำนักมากขึ้น ยุบสำนักร่ำรวยไปขึ้นตรวจสอบทรัพย์สินหมดตามประเภทงานด้วย
สำหรับอำนาจหน้าที่ ของ สำนักไต่สวนคดีพิเศษ ตามประกาศฉบับนี้ มีดังนี้
1. ตรวจสอบเบื้องต้น ไต่สวนเบื้องต้น และไต่สวน รวมทั้งเสนอความเห็นเพื่อประกอบการวินิจฉัยเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญหรือมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง เป็นเรื่องที่มีลักษณะสลับซับซ้อนมีมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินสูง หรือส่งผลเสียหายในวงกว้าง หรือที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและมีมติให้ดำเนินการ
2. ในระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้น ไต่สวนเบื้องต้น และไต่สวน ตาม (1) หากพบในภายหลังว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดไม่ว่าทั้งหมดหรือบางรายไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของสำนัก ให้สำนักมีหน้าที่และอำนาจดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งกรณีที่พบว่ามีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้สำนักมีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบเบื้องต้น ไต่สวนเบื้องต้นหรือไต่สวนด้วย เว้นแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติเป็นอย่างอื่น
3. สอบสวนเป็นทางลับ ตามมาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 และมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ดำเนินการ
4. ตรวจสอบและพิจารณารายงานผลการดำเนินการและสำนวนเรื่องกล่าวหา การกระทำผิดตาม (1) ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมทั้งเสนอความเห็นเพื่อประกอบการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
5. ดำเนินการหรือประสานงานเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการจับการควบคุมตัว การคุมขัง และการปล่อยชั่วคราวผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งการค้น ยึด หรืออายัดเอกสารทรัพย์สินหรือพยานหลักฐาน และการริบทรัพย์สิน
6. ดำเนินการและประสานงานแจ้งให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามมาตรา 82 และติดตามผลการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลรวมทั้งสรุปความเห็นเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.
7. ดำเนินการและประสานงานทางคดีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามผลคดี รวมทั้งสรุปความเห็นเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.
8. เป็นผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคณะกรรมการร่วมกับผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาหาข้อยุติเกี่ยวกับการฟ้องคดี
9. รายงานความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานในรื่องกล่าวหาที่รับผิดชอบตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือสำนักงาน ป.ป.ช. กำหนด
10. เสนอแนะเพื่อพัฒนาระบบงาน รูปแบบ และวิธีการดำเนินการไต่สวน
11. ประสานงานและปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือสำนักงาน ป.ป.ช. มอบหมาย ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกลุ่มภารกิจงาน จำนวน 7 กลุ่ม ภายใต้ประกาศฉบับนี้ ประกอบด้วย
ก) หน่วยงานขึ้นตรงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย
(1) สำนักกิจการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
(2) สำนักการประชุม
(3) สำนักบริหารงานกลาง
(4) สำนักตรวจสอบภายใน
(5) สำนักตรวจราชการ
(6) สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ
(7) สำนักไต่สวนคดีพิเศษ
(8) กลุ่มที่ปรึกษาสำนักงาน ป.ป.ช.
ทั้งนี้ สำหรับสำนักไต่สวนคดีพิเศษ ตาม (7) ให้รับผิดชอบงานตรวจสอบเบื้องต้นไต่สวนเบื้องต้น ไต่ส่วน และสอบสวนเป็นทางลับ รวมทั้งงานทางคดีอื่นที่เกี่ยวข้อง ขึ้นตรงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประธานกรรมการ ป.ป.ช. หรือกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี
ข) กลุ่มภารกิจป้องกันการทุจริต ประกอบด้วย
(1) สำนักพัฒนาวิชาการด้านการศึกษาและกระบวนการมีส่วนร่วมต้านทุจริต
(2) สำนักประเมินคุณธรรรม ความโปร่งใส และส่งเสริมธรรมาภิบาล
(3) สำนักมาตรการป้องกันการทุจริต
(4) สำนักป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์และกำกับจริยธรรมภาครัฐ
ค) กลุ่มภารกิจตรวจสอบทรัพย์สิน ประกอบด้วย
(1) สำนักพัฒนาระบบตรวจสอบทรัพย์สิน
(2) สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง
(3) สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 1
(4) สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 2
(5) สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
(6) สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 4
(7) สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 5
(8) สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
ง) กลุ่มภารกิจไต่สวนการทุจริต ประกอบด้วย
(1) สำนักไต่สวนการทุจริตคดีการเมืองการปกครอง 1
(2) สำนักไต่สวนการทุจริตคดีการเมืองการปกครอง 2
(3) สำนักไต่สวนการทุจริตคดีการเมืองการปกครอง 3
(4) สำนักไต่สวนการทุจริตคดีเศรษฐกิจ 1
(5) สำนักไต่สวนการทุจริตคดีเศรษฐกิจ 2
(6) สำนักไต่สวนการทุจริตคดีเศรษฐกิจ 3
(7) สำนักไต่สวมการทุจริตคดีของหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
(8) สำนักไต่สวนการทุจริตคดีความมั่นคงของรัฐ
(9) สำนักไต่สวนการทุจริตคดีความมั่นคงด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จ) กลุ่มภารกิจอำนวยการยุติธรรม ประกอบด้วย
(1) สำนักกฎหมาย
(2) สำนักพัฒนาระบบกฎหมาย
(3) สำนักพันธกรณีและความร่วมมือระหว่างประเทศ
(4) สำนักคดี 1
(5) สำนักคดี 2
(6) สำนักคดี 3
ฉ) กลุ่มภารกิจสนับสนุน ประกอบด้วย
(1) สำนักยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(2) สำนักวิเคราะห์แผนและงบประมาณ
(3) สำนักบริหารงานคลัง
(4) สำนักบริหารทรัพย์สิน
(5) สำนักสื่อสารองค์กร
(6) สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล
(7) สถาบันการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญา ธรรมศักดิ์
(8) สำนักวิจัยและบริการวิชาการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(9) สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ
(10) สำนักนวัตกรรม เทคโนโลยี และภูมิสารสนเทศ
ช) กลุ่มภารกิจปฏิบัติการพื้นที่ ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค จำนวน 9 แห่ง และสำนักงาน ป.ป.ช. 76 แห่ง
อนึ่ง สำหรับประกาศฉบับนี้ กำหนดให้ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้รักษาการตามประกาศ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้หรือการปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้คณะกรรมการป.ป.ช. มีอำนาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาด
คำวินิจฉัยของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เป็นที่สุด
(ดูรายละเอียดโครงสร้างการบริหารงาน ป.ป.ช. และรายละเอียดประกาศฉบับเต็ม ในลิงก์ประกอบ 90795.pdf)

ณ วันนี้ ประกาศฉบับนี้ มีผลบังคับใช้เป็นทางการแล้ว ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ภายหลังการแบ่งส่วนราชการและหน้าที่อำนาจของส่วนราชการในสังกัดสำนักงาน ป.ป.ช.ใหม่ ที่ออกมา จะทำให้ภารกิจ ป.ป.ช. มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และคล่องตัวยิ่งขึ้น
ตามวัตถุประสงค์สำคัญที่กำหนดไว้หรือไม่?
คดีค้างท่อ - คดีทจุริตสำคัญคดีใด จะถูกประเดิมชี้มูลความผิดเป็นคดีแรก ภายใต้โครงสร้างการบริหารงานใหม่ ที่ให้อำนาจหน้าที่สำนักไต่สวนคดีพิเศษ แบบครบเครื่อง ตามที่ปรากฏข้อมูลข้างต้นนี้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา