
"...ไม่นานมานี้ มีกระแสข่าวสะพัด ‘สัปปายะสภาสถาน’ ว่าเกิดการ ‘ดีลลับ’ กันหลังม่านในประเด็นเรื่อง ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’ รัฐบาลชุดนี้ โดยมีการวางเกมให้ ‘ก๊กส้ม’ ชิงยื่นซักฟอกตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ซึ่งเป็นการซักฟอกแบบ ‘ไม่ลงมติ’ เพื่อหวังให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเดินหน้าต่อ จนผ่านวาระ 3..."
นับตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.เป็นต้นมา ประเทศไทยเดินหน้าทางการทหาร ‘แข็งกร้าว’ เข้าใส่กัมพูชาอีกครั้ง โดย ‘นายกฯหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศกร้าว “ให้มันจบที่รุ่นเรา” พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ถึงจุดที่จะไม่สั่งทหารให้หยุดยิงอีกแล้ว และรัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกรูปแบบ กองทัพไทยจะไม่มีวันสิ้นสภาพ
เรียกทั้งเสียงเฮให้กับบรรดาฝ่ายขวา-อนุรักษนิยมจำนวนไม่น้อย อีกทางหนึ่งยังมีประชาชนบางส่วนเห็นคัดค้าน และเรื่องนี้ควรใช้ ‘การทูต’ นำ ‘การทหาร’ เพื่อป้องกันไม่ให้ ‘ต่างชาติ’ เข้ามาแทรกแซง และยุติเรื่องดังกล่าว จนบานปลายกลายเป็นชนวนเหตุระดับโลก ซึ่งตอนจบอาจทำให้ไทยเสียเปรียบในเวทีโลกได้

@ อนุทิน ชาญวีรกูล
ปฏิเสธไม่ได้ว่านับตั้งแต่กลางปี 2568 ที่เริ่มเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไล่เรียงมายาวนานกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา เกิดการปลุกกระแส ‘ชาตินิยม’ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการตกต่ำลงของพรรคกลางขวาอย่าง ‘เพื่อไทย’ ที่เพลี่ยงพล้ำทางการเมือง จากบทสนทนาของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ผู้นำชินวัตรรุ่นที่ 3 ผ่านคลิปหลุดกับ ‘ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภากัมพูชา ส่งผลให้เธอต้องพ้นจากตำแหน่งเก้าอี้นายกฯไป ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แถมยังอาจเจอดาบซ้ำ 2 จากคดีดังกล่าวที่อยู่ระหว่างการไต่สวนในชั้น ป.ป.ช.อีกทางหนึ่งด้วย
เงื่อนปมที่น่าสนใจของเรื่องนี้ เกิดขึ้นภายหลัง ‘รัฐบาลสีน้ำเงิน’ กลายเป็นตำบลกระสุนตกใน 2 สถานการณ์สำคัญ คือ
1.กรณีเกิดมหาอุทกภัยใน 9 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีประชาชนเสียชีวิตกว่าร้อยศพ และผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นี่ยังไม่นับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจมูลค่าสูงนับหมื่นล้านบาท ขณะที่ สส.ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ตามการแบ่งเขตเลือกตั้งปี 2566 ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
เขตเลือกตั้งที่ 2 (เฉพาะตำบลคลองอู่ตะเภาและตำบลหาดใหญ่) มี ศาสตรา ศรีปาน สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปัจจุบันย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
เขตเลือกตั้งที่ 3 (เฉพาะตำบลพะตง ตำบลบ้านพรุ ตำบลคอหงส์ ตำบลทุ่งใหญ่ ตำบลท่าข้าม และตำบลน้ำน้อย) มี ‘โกถึก’ สมยศ พลายด้วง สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน เป็นเจ้าของพื้นที่
แม้แต่ ‘นายกฯแป้น’ ณรงค์พร ณ พัทลุง ซึ่งกำลังถูกคนในพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เรื่องบริหารจัดการน้ำก่อนเกิด ‘น้ำท่วมหาดใหญ่’ ก็ถูกครหาค่อนแคะว่า อาจได้รับเสียงสนับสนุนจาก ‘เครือข่ายสีน้ำเงิน’ ในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่ง ‘นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่’
ขณะเดียวกันการบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักเช่นเดียวกันว่า ทำงานไม่เป็นระบบ และซ้ำซ้อนกัน แม้แต่การเยียวยาประชาชนยังเกิดข้อครหา เมื่อจะมอบเงินให้ศพละ 2 ล้านบาทเฉพาะพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จนชาวบ้านด่ากันขรม สุดท้ายต้องยอมจ่ายให้ศพละ 2 ล้านบาทในพื้นที่จังหวัดภาคใต้อื่น ๆ ด้วย
2.กรณีปรากฏภาพถ่ายของ ‘เบน สมิธ’ นักธุรกิจชื่อดังซึ่งถูก ‘ทอม ไรต์’ นักข่าวสืบสวนสอบสวนชาวสหรัฐฯ ดีกรีรางวัล ‘พูลิตเซอร์’ เปิดโปง ร่วมกับ ‘นายกฯหนู’ และบุคคลในรัฐบาล รวมถึง ‘บิ๊กเนมการเมือง-ธุรกิจ-กองทัพ’ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และเครือข่ายสแกมเมอร์ที่อาศัยไทยเป็นแหล่ง ‘ฟอกเงิน’ หรือไม่ แม้ว่า ‘อนุทิน’ และบุคคลในภาพเหล่านั้น ต่างดาหน้าออกมาปฏิเสธความสัมพันธ์ โดยอ้างว่ารู้จักกันเพียงผิวเผิน และเป็นภาพเก่าเมื่อหลายปีมาแล้วก็ตาม

ทำให้หลายคนจับตาว่าการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์และการฟอกเงินครั้งมโหฬารระดับ ‘อาเซียน’ ครั้งนี้จะกลายเป็น ‘มวยล้มต้มคนดู’ หรือไม่ ถึงแม้ก่อนหน้านี้คณะกรรมการธุรกรรม ปปง.จะสั่งอายัดทรัพย์สินของ 4 ผู้ถูกกล่าวหานับหมื่นล้านบาท ที่มีเส้นทางเงินโยงใยถึง ‘เบน สมิธ-ก๊ก อาน-ยิม เลียก’ ก็ตาม
ขณะเดียวกันเริ่มมีเสียงเล่าอ้างในทำเนียบรัฐบาลว่า เสถียรภาพ ‘รัฐนาวาสีน้ำเงิน’ กำลังร้าวลึกภายใน เพราะการปล่อยภาพดังกล่าว แม้จะออกมาผ่านสื่อเครือเมเนเจอร์ แต่ ‘บุคคล’ ผู้อยู่เบื้องหลังในการส่งภาพนี้ให้แก่นักข่าวคือใคร ทางหนึ่งอ้างว่าเป็น ‘เครือข่ายสีแดง’ แต่อีกทางหนึ่งเชื่อว่าอาจเป็นฝีมือ ‘เครือข่ายผู้กอง’ หรือไม่?
ด้วย 2 สถานการณ์ข้างต้น ว่ากันว่าเป็นชนวนสำคัญทำให้ ‘รัฐบาลสีน้ำเงิน’ ต้องเปิดปฏิบัติการ ‘ชาตินิยมภาค 2’ โดยพุ่งเป้าไปเรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า หวัง ‘กลบเกลื่อน’ เรื่องราวฉาวโฉ่อื่น ๆ
แม้แต่ ‘ก๊กส้ม’ พรรคฝ่ายค้านอันดับ 1 มี สส.ในสภาฯราว 140 เสียง ยังมีท่าที ‘เห็นดีเห็นงาม’ ในปฏิบัติการ รุกโค่นอำนาจ ‘ฮุน เซน’ ในคราวนี้ โดยเฉพาะถ้อยแถลง ‘End Game’ ของ ‘ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ’ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ที่แสดงท่าที่แข็งกร้าว และโน้มเอียงไปทางสนับสนุนรัฐบาล
ค้านสายตาบรรดา ‘ด้อมส้ม-มหามิตร’ จำนวนไม่น้อย จนหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ‘เท้ง ณัฐพงษ์’ รวมถึง ปชน.อย่างหนักถึงจุดยืน ‘พรรคฝ่ายซ้าย’ ที่เคยเป็นมาตลอด และการใช้ ‘การทูต-การเมือง’ นำ ‘การทหาร’ หายไปหมดแล้ว เพราะหวังเพียงเงื่อนไข ทำอย่างไรก็ได้ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระที่ 3 แล้วค่อยไปว่ากันในการเลือกตั้งครั้งหน้า พ่วงทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

@ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
แม้เมื่อ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ‘ณัฐพงษ์’ พยายามแก้เกี้ยวด้วยการออกแถลงการณ์อีกฉบับ อธิบายว่า ปชน.เน้นให้ทำการทูตเชิงรุก ส่วนวิธีการทางทหารให้เป็นทางเลือกสุดท้ายก็ตาม แต่ ‘ด้อมส้ม’ หลายคนปักใจเชื่อไปแล้วว่าพรรคนี้ สุดท้ายอาจเป็นเพียง ‘ของปลอม’ อีกพรรคหนึ่งเท่านั้น?
โดยเฉพาะหากนับการสื่อสารของ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ เมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาเรื่อง ‘Grand Compromise’ หรือการประนีประนอมครั้งใหญ่ เพื่อเดินหน้าประชาธิปไตย สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ ‘ก๊กส้ม’ ชัดเจนว่า ลดธงในเรื่องรื้อโครงสร้างทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่อง ‘มาตรา 112’ ลงไปอย่างเห็นได้ชัด และไปเน้นจุดเด่นด้านเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชันที่อื้อฉาวแทน ซึ่งหลายคนชมว่าเป็นเรื่องดี แต่มักถูกเปรียบเทียบว่ากลายพันธุ์เป็น ‘พรรคประชาธิปัตย์’ (ปชป.) ร่าง 2 เท่านั้น
ที่สำคัญไม่นานมานี้ มีกระแสข่าวสะพัด ‘สัปปายะสภาสถาน’ ว่าเกิดการ ‘ดีลลับ’ กันหลังม่านในประเด็นเรื่อง ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’ รัฐบาลชุดนี้ โดยมีการวางเกมให้ ‘ก๊กส้ม’ ชิงยื่นซักฟอกตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ซึ่งเป็นการซักฟอกแบบ ‘ไม่ลงมติ’ เพื่อหวังให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเดินหน้าต่อ จนผ่านวาระ 3
ดักทาง ‘พรรคสีแดง’ ที่เตรียมข้อมูลยื่นซักฟอกตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ‘แบบลงมติ’ หวังโค่นล้ม ‘รัฐบาลข้างน้อย’ แบบไม่สนใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านสภาฯหรือไม่ ค่อยไป ‘ดีลกันใหม่’ หลังการเลือกตั้งครั้งถัดไป
ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า หากมีการยื่นเปิดซักฟอกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตามมาตรา 151 หรือ 152 ให้กระทำได้ปีละหนึ่งครั้ง ดังนั้นหาก ‘ก๊กส้ม’ ชิงยื่นซักฟอก มาตรา 152 ก่อน เท่ากับว่าปิดประตู ‘ก๊กแดง’ ยื่นซักฟอก มาตรา 151 แบบลงมติทันที
แน่นอนว่าหมากเกมนี้ ‘พรรคแดง’ ย่อมรู้อยู่แล้ว ที่สำคัญกลไกของเครือข่ายนี้ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ประธานสภาฯ-รองประธานสภาฯ ดังนั้นการเคลื่อนเกมนี้ของ ‘ก๊กส้ม’ ย่อมไม่ง่ายอย่างที่คิด
บทสรุปสุดท้ายเรื่องนี้จะไปจบตรงไหน ‘รัฐบาลสีน้ำเงิน’ จะยังเดินหน้าลุยปราบสแกมเมอร์อย่างที่ ‘นายกฯอนุทิน’ คุยโวเอาไว้หรือไม่ และการยื่นซักฟอกในเดือนนี้จะเกิดขึ้นหรือเปล่า ต้องติดตามกัน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา