
“…เมื่อพิจารณาสัดส่วนเงินออมที่ประชาชนผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลจะได้รับคืนในแต่ละงวดนั้น เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินที่ประชาชนใช้จ่ายในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงอาจมีผลให้มาตรการนี้ เป็นมาตรการที่กระตุ้นหรือส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมากกว่าส่งเสริมการออมให้แก่ประชาชน…”
..................................
จากกรณีที่ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า ‘โครงการสลากเพื่อการออม’ ซึ่งจะคืนเงินให้กับผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลักในรูปแบบดิจิทัล (L6) แต่ไม่ถูกรางวัล ในรูปการออม โดยระบุว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตีความกรณีดังกล่าวและเห็นว่า การคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งฯ L6 ไม่สามารถทำได้
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่เกินกว่าอำนาจหน้าที่ของสำนักงานสลากฯ และขัดวัตถุประสงค์ของสำนักงานฯ ซึ่งไม่มีหน้าที่ส่งเสริมการออมด้วย นั้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงขอนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาในเรื่องดังกล่าว มีรายละเอียด ดังนี้
@‘คลัง’ขอ‘กฤษฎีกา’ตีความปมเงินคืน‘ผู้ซื้อสลากฯ’ L6
บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง ปัญหาการกำหนดให้เงินคืนแก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเพื่อเป็นเงินออม เป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 (เรื่องเสร็จที่ 1506/2568)
กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 0803.3/15573 ลงวันที่ 21 พ.ย.2568 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สรุปความได้ว่า
1.วันที่ 29 ก.ย.2568 คณะรัฐมนตรี โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยมีสาระสำคัญของนโยบายในด้านเศรษฐกิจ “ข้อ 3. เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย ให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยสะดวก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม โดยกันเงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลให้มีเงินออมอันเกิดจากเงินที่กันไว้”
2.วันที่ 20 ต.ค.2568 กระทรวงการคลังได้จัดการประชุมหารือแนวทางการดำเนินการโครงการสลากเพื่อการออม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณากรณีกระทรวงการคลังจะกำหนดนโยบายส่งเสริมด้านการออมให้แก่ประชาชนผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลตามนโยบายรัฐบาล
โดยมีแนวคิดให้มีการคืนเงินเป็นเงินออมให้แก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบดิจิทัลที่ไม่ถูกรางวัล สำหรับเงินออมที่จะคืนให้ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว จะอยู่ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ 17 ของเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวดตามมาตรา 22 (3) แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517
ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงได้จัดทำรูปแบบการดำเนินโครงการสลากเพื่อการออม โดยกำหนดเงินคืนให้แก่ประชาชนผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จ่ายให้แก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (Lottery 6: L6) แบบดิจิทัล ในสัดส่วนร้อยละ 2.5 ของเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวด
และจ่ายออกไปยังธนาคารที่รับผิดชอบจัดการแยกกระเป๋าเงินสลาก เพื่อการออมของผู้ซื้อสลากฯ L6 ในทันที ที่ผลปรากฏว่าสลากใบนั้นๆ ไม่ถูกรางวัล โดยผู้ซื้อสลากฯ L6 จะยังไม่สามารถอนเงินออกจากกระเป้าเงินสลากเพื่อการออมจนกว่าจะถือครองจนครบเงื่อนไขที่กำหนด
3.คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2568 เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2568 ได้พิจารณาประเด็นเรื่องทบทวนการกำหนดค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (Lottery 6: L6) แบบดิจิทัล
โดยเห็นชอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกำหนดให้เงินคืนแก่ผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย ตามมาตรา 22 (3) แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ และเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ภายหลังจากที่มีผลการหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้ข้อสรุปชัดเจนว่าสามารถดำเนินการได้ตามที่กฎหมายกำหนด
4.กระทรวงการคลังได้พิจารณาประเด็นการดำเนินโครงการสลากเพื่อการออมของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วเห็นว่า เมื่อบทบัญญัติตามมาตรา 22 (1) และ (2) แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ ได้กำหนดสัดส่วนการจัดสรรเงินให้เป็นเงินรางวัลและรายได้แผ่นดินไว้อย่างชัดเจนในกฎหมาย
ในขณะที่มาตรา 22 (3) ประกอบมาตรา 25 และมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ บัญญัติให้สามารถกำหนดค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เท่าที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในอัตราไม่เกินร้อยละ 17 ของเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวด
ประกอบกับได้รับทราบข้อเท็จจริงจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีการกำหนดค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามมาตรา 25 เช่น ค่าธรรมเนียมที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจ่ายให้แก่ธนาคารแทนประชาชนผู้ชื่อสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก
ดังนั้น คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในการกำหนดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตามมาตรา 13 (7/2) แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ
เมื่อได้มีการพิจารณากำหนดเงินคืนให้แก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการบริหารงานในการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาลแล้ว จึงสามารถนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อให้ความเห็นชอบตามนัยมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ ได้
อย่างไรก็ดี ยังคงมีประเด็นปัญหาในทางกฎหมายว่า หากมีการกำหนดให้เงินคืนแก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเพื่อเป็นเงินออมเป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ แล้ว
เงินดังกล่าวที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับไว้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล จะยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไปจนกว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ประชาชนผู้มีสิทธิ จะถอนเงินออกจากกระเป๋าเงินเมื่อครบตามเงื่อนไขที่กำหนด
หรือเป็นเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถตัดจ่ายออกจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ เมื่อผลปรากฏว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลใบนั้นๆ ไม่ถูกรางวัล
ในการนี้ กระทรวงการคลังจึงขอหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า เงินคืนดังกล่าวจะยังเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือไม่ เพื่อกระทรวงการคลังและสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะได้นำเสนอโครงการต่อไป
@ชี้คืนเงิน‘ผู้ซื้อสลากฯ’ขัดวัตถุประสงค์ตั้ง‘สำนักงานสลากฯ’
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 12) ได้พิจารณาข้อหารือของกระทรวงการคลัง โดยมีผู้แทนกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) และผู้แทนสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว
ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เคยมีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ 7905/2568 ลงวันที่ 10 พ.ศ.2568 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอหารือในประเด็นข้อกฎหมายว่า คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถกำหนดให้เงินคืนแก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเพื่อเป็นเงินออม เป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ได้หรือไม่
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 12) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้หารือประเด็นปัญหานี้ไปยังกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาการตามกฎหมายแล้ว แต่กระทรวงการคลังมีความเห็นที่ยังไม่เป็นที่ยุติ สมควรที่กระทรวงการคลังจะพิจารณาประเด็นปัญหาดังกล่าวให้เป็นที่ยุติเสียก่อน
ผู้แทนกระทรวงการคลัง จึงขอรับประเด็นที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหารือ กลับไปพิจารณา และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขอถอนข้อหารือดังกล่าว
ต่อมากระทรวงการคลังแจ้งว่า ได้พิจารณาประเด็นปัญหาดังกล่าวแล้วเห็นว่า คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถกำหนดให้เงินคืนดังกล่าว เป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้
เนื่องจากมาตรา 13 (7/2) และมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ ให้อำนาจคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการกำหนดค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ยังมีประเด็นปัญหาที่ยังไม่มีข้อยุติเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ของเงินคืนดังกล่าว กระทรวงการคลังจึงขอหารือมาในครั้งนี้
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 12) พิจารณาข้อหารือของกระทรวงการคลังแล้ว เห็นว่า ในเบื้องต้นจำเป็นต้องพิจารณาก่อนว่า คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถกำหนดให้เงินคืนแก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเพื่อเป็นเงินออมเป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ ได้หรือไม่
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 12) เห็นว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อออกสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดการโรงพิมพ์อันเป็นอุปกรณ์ในการพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือพิมพ์สิ่งพิมพ์อื่นที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ความเห็นชอบ และกระทำการอื่นใดที่เกี่ยวเนื่องหรือที่เป็นประโยชน์แก่การดำเนินกิจการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ทั้งนี้ ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ โดยเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวดจะต้องดำเนินการจัดสรรตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ
กล่าวคือ ให้จัดสรรเป็นเงินรางวัลร้อยละหกสิบ (60) เป็นรายได้แผ่นดิน ไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบสาม (23) และเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่เกินกว่าร้อยละสิบเจ็ด (17)
โดยเงินที่จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังรวมไปถึงเงินที่ได้รับไว้นอกเหนือจากเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 22 และดอกผลที่เกิดจากเงินตามมาตรา 22 (3) ด้วย ซึ่งหากเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารงานมีคงเหลือ ให้กันไว้เป็นเงินสำรองได้ไม่เกินร้อยละห้าสิบ (50) ส่วนที่เหลือให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ทั้งนี้ ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ
บทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ กำหนดควบคุมการจัดสรรเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับไว้อย่างชัดเจนและเคร่งครัด เพื่อใช้จ่ายเป็นเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย เงินที่ได้รับนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดไว้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินทั้งหมด
จึงเห็นได้ว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อหาเงินนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินดิน
ดังนั้น การดำเนินการต่างๆ ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงต้องอยู่ภายในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวเท่านั้น
สำหรับการกำหนดค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น มาตรา 22 (3) แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ กำหนดให้เงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวด ให้จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่เกินกว่าร้อยละสิบเจ็ด (17)
และมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้ค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามมาตรา 22 (3) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลกำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
ค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลจะกำหนดได้ต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เนื่องจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในขั้นตอนการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล
เช่น ส่วนลดสำหรับตัวแทนจำหน่าย ส่วนลดสำหรับตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ส่วนลดสำหรับตัวแทนจำหน่ายรายย่อยประเภทบุคคลทั่วไปและคนพิการ และสมาชิกจำหน่ายของสมาคม องค์กร มูลนิธิ นิติบุคคล และหน่วยงาน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ และการควบคมตรวจสอบการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและเกิดความเป็นธรรม ทั้งนี้ ภายในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
แต่การคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเพื่อเป็นเงินออมนั้น มีลักษณะเป็นค่าใช้จ่าย หลังจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไปแล้ว และยังเป็นการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อหาเงินนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
ประกอบกับเมื่อพิจารณาสัดส่วนเงินออมที่ประชาชนผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลจะได้รับคืนในแต่ละงวดนั้น เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินที่ประชาชนใช้จ่ายในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงอาจมีผลให้มาตรการนี้ เป็นมาตรการที่กระตุ้นหรือส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมากกว่าส่งเสริมการออมให้แก่ประชาชน
ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงไม่สามารถกำหนดให้เงินคืนแก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเพื่อเป็นเงินออมเป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ ได้
เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถกำหนดให้เงินคืนแก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเพื่อเป็นเงินออม เป็นค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ ได้
กรณีจึงไม่ต้องพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาที่กระทรวงการคลังขอหารือมาที่ว่า เงินคืนดังกล่าวเป็นของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจนกว่าจะจ่ายคืนให้แก่ประชาชนผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลตามเงื่อนไข หรือเป็นเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถตัดจ่ายออกจากระบบบัญชีของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ เมื่อสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ถูกรางวัล
เหล่านี้เป็นรายละเอียดคำวินิจฉัยของ ‘คณะกรรมการกฤษฎีกา’ เกี่ยวกับการดำเนินโครงการ ‘สลากเพื่อการออม’ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้ว่า การคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่ถูกรางวัลเพื่อเป็นเงินออมนั้น ไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อวัตถุประสงค์การจัดตั้งสำนักงานสลากฯ อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังเป็นการกระตุ้นหรือส่งเสริมใช้ประชาชนจ่ายเงินเพื่อซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมากกว่า ‘ส่งเสริมการออม’!

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา