
ฝั่งกัมพูชาไม่ได้เปิดเผยตัวเลขการสูญเสียทางทหารอย่างเป็นทางการ แต่ตัวเลขที่สำนักข่าว The Diplomat ตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจัของกัมพูชาในจังหวัดแนวหน้าได้แก่จังหวัดพระวิหาร ซึ่งมีพรมแดนติดกับจังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานีของไทย ชี้ให้เห็นว่าความเสียหายมีนัยสำคัญ อย่างน้อยก็ในแนวหน้านั้น
สืบเนื่องจากเหตุปะทะชายแดนไทยและกัมพูชา ที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะมีการหยุดยิงเร็วๆนี้จริงหรือไม่
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าว The Diplomat ของสหรัฐอเมริกาได้มีการลงบทวิเคราะห์ว่าความเสียหายของกัมพูชานั้นอาจจะหนักหนากว่าที่คิด และมีการปกปิดความสูญเสีย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงได้นำเอารายงานดังกล่าวมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
กว่าสองสัปดาห์หลังจากที่การสู้รบตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชากลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง เครื่องบินรบของไทยและจรวด BM-21 ของกัมพูชายังเปิดปฏิบัติการข้ามพรมแดน ทำให้เกิดความเสียหายต่อกำลังพลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่รัฐบาลพนมเปญได้เก็บข้อมูลความเสียหายของเหล่าทหารแนวหน้าไว้เป็นความลับจากสาธารณะเป็นส่วนใหญ่
ความไม่สมดุลระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่ายชัดเจนตั้งแต่ก่อนความตึงเครียดที่ยืดเยื้อในปีนี้จะปะทุเป็นการสู้รบห้าวันตามแนวชายแดนในเดือนกรกฎาคม หลังจากมีการตอบโต้กันไป และมีการเสียชีวิตของทหารกัมพูชาในพื้นที่พิพาทเมื่อเดือนพฤษภาคม
กองทัพไทยมีขนาดใหญ่กว่า มีกำลังรบและขีดความสามารถทางอากาศเหนือกว่ากัมพูชา ซึ่งสิ่งนี้ทางฝั่งกัมพูชามักนำไปอ้างถึงในการประณามไทยว่าเป็น "ผู้รุกราน" เพราะเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการโจมตีของไทยลึกเข้าไปในดินแดนกัมพูชามากขึ้น ทว่าในขณะที่กรุงเทพฯ ได้เปิดเผยและใช้ประโยชน์ทางการเมืองจากการเสียชีวิตของทหารไทยมากกว่า 20 นาย นับตั้งแต่การปะทะกลับมาเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่ 7 ธันวาคม ถึง ณ เวลานี้
การปะทะยังส่งผลทำให้ข้อตกลงหยุดยิงที่ดำเนินการโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาเพื่อยุติการสู้รบในปลายเดือนกรกฎาคมเป็นอันต้องยุติลง
ฝั่งกัมพูชาไม่ได้เปิดเผยตัวเลขการสูญเสียทางทหารอย่างเป็นทางการ แต่ตัวเลขที่สำนักข่าว The Diplomat ตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจัของกัมพูชาในจังหวัดแนวหน้าได้แก่จังหวัดพระวิหาร ซึ่งมีพรมแดนติดกับจังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานีของไทย ชี้ให้เห็นว่าความเสียหายมีนัยสำคัญ อย่างน้อยก็ในแนวหน้านั้น
ตั้งแต่ 8 ธันวาคม ทหารกัมพูชาและตำรวจชายแดนกว่า 400 นาย ซึ่งเข้าร่วมในการสู้รบด้วย ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ไม่มีผู้ใดในจำนวน 424 นายที่ได้รับการบันทึกว่าได้รับการรักษาในรายชื่อผู้ป่วยที่โรงพยาบาลหลักในจังหวัดเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บของพวกเขา เจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อเนื่องจากความอ่อนไหวของข้อมูลกล่าว
แม้จะมีการสู้รบแบบปกติทั่วหกพื้นที่พิพาทตามแนวชายแดนติดกับประเทศไทย ซึ่งสองจากหกพื้นที่ในนั้น กองทัพไทยอ้างว่าได้เข้ายึดครองแล้ว
ส่วนในพื้นที่สู้รบรุนแรงอื่นๆ คาดว่าตัวเลขผู้บาดเจ็บล้มตายก็อาจจะคล้ายกัน ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชารายงานผู้เสียชีวิตพลเรือน 21 ราย แต่ไม่มีข้อมูลการบาดเจ็บล้มตายของทหารที่เปิดเผยต่อสาธารณะ และกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกคำสั่งกว้างๆ ที่มีลักษณะปกปิดเนื้อหาที่ระบุว่าอาจบ่อนทำลาย "ความลับ" ทางทหาร ตามที่เจ้าหน้าที่กัมพูชากล่าว
โดยมีทหารกัมพูชาอย่างน้อย 13 นายถูกสังหารในการปะทะกันที่แนวหน้าพระวิหาร และร่างของพวกเขาถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อเก็บรักษาร่างเอาไว้
แต่รายงานจากสื่อท้องถิ่นและโพสต์โซเชียลมีเดียที่แพร่หลายต่างระบุถึงจำนวนที่มากกว่านั้นอีกหลายสิบนาย ซึ่งจนถึงตอนนี้ ความพยายามในการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศดำเนินไปอย่างช้าๆ ในระหว่างการประชุมพิเศษของอาเซียนเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปในวันที่ 24 ธันวาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงที่เป็นไปได้
กัมพูชาอ้างเหตุทิ้งระเบิดจากฝั่งไทยทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 21 ราย (อ้างอิงวิดีโอจาก APT)
แต่ด้วยความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินต่อไป และมีความเสี่ยงที่กัมพูชาอาจต้องยอมยกดินแดนตามการอ้างสิทธิ์ในแผนที่ของตนเองฝ่ายเดียว ในที่สุด ความขัดแย้งนี้ กำลังเป็นสิ่งที่กระทบกับความเปราะบางทางเศรษฐกิจและโครงสร้างของกัมพูชา ซึ่งเป็นแรงกดดันที่รัฐบาลพนมเปญ หรือพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ที่ปกครองมานาน ไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป
"แรงกดดันเป็นเรื่องจริงและกระจุกตัวผิดปกติ" นายโสภณ เอีย นักรัฐศาสตร์และศาสตราจารย์ชาวกัมพูชา-อเมริกันจากมหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา กล่าวตอบคำถามที่อ้างถึงความตึงเครียดหลายประการที่กัมพูชากำลังเผชิญอยู่ซึ่งอาจเป็นภัยกับรัฐบาลที่กำลังปกครองประเทศ
"ความเปราะบางทางเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนสูง การพลัดถิ่นแรงงาน การคว่ำบาตรระหว่างประเทศ และการพลัดถิ่นตามแนวชายแดน เมื่อรวมกันแล้ว ทั้งหมดสร้างความตึงเครียดในระดับที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้" นายโสภณกล่าว พร้อมเสริมว่าปัจจัยที่ทำให้ไม่มั่นคงเหล่านี้ไม่ได้ แปรเปลี่ยนเป็นความเปราะบางของระบอบการปกครองของกัมพูชาโดยอัตโนมัติ
ความตึงเครียดที่เร่งด่วนที่สุดตกอยู่กับชาวกัมพูชามากกว่าครึ่งล้านคนที่มาจากพื้นที่ชายแดน ซึ่งตอนนี้กำลังหลบภัยอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นที่แออัดหลายสิบแห่ง แรงกดดันนั้นถูกซ้ำเติมด้วยเศรษฐกิจที่ร้อยละ 88 ต้องพึ่งพอแรงงานทำงานนอกระบบ และหลายล้านคนต้องพึ่งพาการย้ายถิ่นฐานเพื่อหางานทำ รวมถึงแรงงานเกือบ 1 ล้านคนในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับกัมพูชาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม กัมพูชายังมีหนี้สินไมโครเครดิตต่อหัวสูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นวิกฤตหนี้ที่ขยายไปถึงผู้พลัดถิ่น ธนาคารแห่งชาติได้สั่งให้ผู้ให้กู้เงินขยายระยะเวลาการผ่อนปรนหนี้สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบไปจนถึงเดือนมีนาคม และสำหรับทหารแนวหน้าไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ผลกระทบของความขัดแย้งต่อภาคการท่องเที่ยวที่กำลังประสบปัญหาอยู่แล้วของทั้งสองประเทศก็เริ่มปรากฏขึ้น การปะทะครั้งใหม่เกิดขึ้นไม่นานหลังจากกัมพูชาเผชิญกับการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดของสหรัฐฯ ที่มีผลจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการคว่ำบาตรมุ่งเป้าไปที่ชนชั้นนำที่เกี่ยวข้องทางการเมืองและกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับศูนย์หลอกลวงที่ได้รับการบันทึกไว้หลายสิบแห่งทั่วประเทศ
ปฏิบัติการฉ้อโกงหรือสแกมเมอร์เหล่านั้น ถูกระบุจากสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติว่ามีการพึ่งพาแรงงานที่ถูกบังคับประมาณ 100,000 คน และสร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีโดยการฉ้อโกงเหยื่อทั่วโลก การคว่ำบาตรต่อสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องยังทำให้เกิดการแห่ถอนเงินจากบัญชีท้องถิ่นทั่วประเทศ
ส่วนประเทศไทย ซึ่งชนชั้นนำและนักการเมืองก็มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติข้ามพรมแดน ได้โจมตีคาสิโนในเมืองชายแดนกัมพูชาและกลุ่มอาคารศูนย์ฉ้อโกงหลอกลวงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นของชนชั้นนำท้องถิ่นของกัมพูชาในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามชาติกังวลถึงเหยื่อการค้ามนุษย์ที่อาจติดอยู่ภายใน
ทางกรุงเทพอ้างว่ากองทัพไทยกำลังกำหนดเป้าหมาย พุ่งเป้าไปที่การปฏิบัติการทางทหารของกัมพูชาที่ดำเนินการจากสถานที่เหล่านั้น
"เป็นที่ชัดเจนว่าฝ่่ายไทยกำลังโจมตีชนชั้นสูงของกัมพูชา โดยพุ่งเป้าไปที่กระเป๋าของเงินพวกเขาโดยการกำหนดเป้าหมายไปที่ศูนย์ฉ้อโกงหลอกลวง แม้ว่าพวกเขาจะโจมตีเพียงไม่กี่แห่งและยังมีอีกหลายร้อยแห่งปฏิบัติงานอยู่" นายนีล ลอฟลิน อาจารย์อาวุโสด้านการเมืองที่ City St George’s, University of London และผู้เขียนหนังสือ "The Politics of Coercion: State and Regime Making in Cambodia" กล่าวและกล่าวอีกว่า ผู้ดำเนินปฏิบัติการหลอกลวงกำลังย้ายออกจากอาคารเหล่านี้ไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า และพร้อมที่จะดำเนินการหลอกลวงอีกในวันข้างหน้า
หลังจากที่ตอนแรกมีการอ้างว่ากัมพูชาใช้กลุ่มอาคารเหล่านี้ในการปฏิบัติการทางทหาร กองทัพบกไทยได้อธิบายการโจมตีด้วยระเบิดว่าเป็นวิธีการ "รื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติและปกป้องผู้คนทั่วโลกจากแก๊งหลอกลวง" พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหมของไทยกล่าวทางแอปฟลิเคชั่น WhatsApp และกล่าวว่ากองทัพไม่ทราบรายงานว่ามีเหยื่อการค้ามนุษย์ติดอยู่ในกลุ่มอาคารที่ถูกโจมตี
"ก่อนการโจมตี เป้าหมายเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบผ่านกระบวนการวางแผนของเราเพื่อยืนยันว่าตึกพวกนี้ถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการ ควบคุมทางทหาร คลังเก็บกระสุนหรืออุปกรณ์ทางทหาร หรือสถานที่กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับทหารอื่นๆ" โฆษกกระทรวงกลาโหมไทยกล่าวและกล่าวว่า "นอกจากนี้ เรายังต้องมั่นใจว่าจะไม่มีหรือมีเพียงความเสียหายเล็กน้อยต่อพลเรือน"
กลับมาที่ฝั่งกัมพูชา เมื่อถูกขอให้ยืนยันตัวเลขผู้บาดเจ็บล้มตายจากเหตุปะทะที่จังหวัดพระวิหาร พล.ท.หญิง มาลี โสเชียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ได้ให้ข้อมูลผ่านมาแอปพลิเคชั่น Telegram เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ผ่านมา โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับการระดมยิงเครื่องยิงลูกระเบิดของไทยในเมืองปอยเปตชายแดน
ในขณะที่กัมพูชายังคงปิดปากเงียบเกี่ยวกับผู้บาดเจ็บล้มตาย และกองกำลังไทยแสดงออกถึงความปรารถนาที่จะ "ทำลาย" ขีดความสามารถทางทหารของเพื่อนบ้าน ภัยคุกคามของรัฐบาลกัมพูชาจากการสูญเสียดินแดนที่เป็นหนึ่งในจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพรรค CPP ก็ปรากฏชัดเจนขึ้น
"มันจะมีราคาทางการเมืองสูง แม้ในสภาพแวดล้อมที่การคัดค้านถูกจำกัด" นายโสภณกล่าวถึงกรณีที่ทางฝ่ายไทยได้เข้ามายึดครองดินแดนฝั่งกัมพูชาไว้ และอ้างถึงการคัดค้านที่จำกัดที่ยังคงอยู่ในประเทศ
"การสูญเสียดินแดนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่เหนือกว่าการปราบปรามทางการเมืองในชีวิตประจำวัน แม้ว่าการคัดค้านที่เป็นระบบจะถูกจำกัด แต่ความรู้สึกชาตินิยมก็ไม่ง่ายที่จะจัดการเมื่อถูกกระตุ้น" นายโสภณกล่าวเสริมและกล่าวว่าสิ่งนี้อธิบายบางส่วนว่าทำไมพนมเปญจึงยืนกรานที่จะทำให้ข้อพิพาทเป็นสากล
“การไกล่เกลี่ยจากภายนอกช่วยสร้างเกราะทางการเมืองจากการถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวฝ่ายเดียว” นายลอฟลินเห็นด้วยอย่างมากในเรื่องนี้โดยสังเกตเช่นกันว่าฝ่ายค้านทางการเมืองในกัมพูชาอ่อนแอลงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เกิดคำถามว่า "จะมีใครทำอะไรกับมันหรือไม่
"ในแง่ของการสนับสนุนจากชนชั้นนำและกองทัพต่อการนำของตระกูลฮุนนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ทราบแน่ชัด แต่การจัดการความขัดแย้งครั้งนี้ย่อมต้องก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถในการเป็นผู้นำ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเลวร้ายสำหรับพวกเขา" นายลอฟลินกล่าวเสริม
สำหรับนายโสภณมองว่า พรรค CPP ยังคงกุมอำนาจเหนือสถาบันต่างๆ กองกำลังความมั่นคง และพื้นที่ทางการเมืองในกัมพูชา "ความเสี่ยงที่ใหญ่กว่าไม่ใช่การล่มสลายฉับพลัน แต่เป็นการกัดกร่อนความยืดหยุ่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะจำกัดทางเลือกนโยบายและเพิ่มการพึ่งพาชาตินิยมและการสร้างกรอบจากภายนอกเพื่อรักษาความชอบธรรม" นายโสภณกล่าว
ในบรรดาการเปลี่ยนแปลงนโยบายในปีนี้ รัฐบาลกัมพูชาได้นำกฎหมายเกณฑ์ทหารที่ไม่ได้ใช้กลับมาบังคับใช้เนื่องจากข้อพิพาทชายแดน
ในปัจจุบัน ประเทศไทยดูเหมือนจะเข้าควบคุมได้เบ็ดเสร็จ อย่างน้อยก็ที่ปราสาทตากรอเบย และพื้นที่แอนเซส ตามแนวชายแดนจังหวัดพระวิหาร
ภาพจากทั้งสองฝ่ายแสดงให้เห็นความเสียหายอย่างหนักที่ปราสาทตากรอเบยที่สอดคล้องกับการยิงปืนใหญ่ของไทย แม้ว่ากัมพูชาจะปฏิเสธว่าปราสสาทไม่ได้ถูกยึดครองก็ตาม ทั้งๆ ที่มีภาพฟุตเทจทางทหารของไทยที่แสดงให้เห็นทหารไทยประจำการอยู่ที่นั่น
ส่วนที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทมอดา ซึ่งกัมพูชาระบุว่าอยู่ในพื้นที่จังหวัดโพธิสัตว์ และเป็นที่ตั้งของคาสิโนอันฉาวโฉ่และแหล่งรวมการฉ้อโกงหลอกลวงที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับมหาเศรษฐีชาวกัมพูชาที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ก็ถูกโจมตีด้วยระเบิดอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และมีรายงานว่าทหารไทยเข้ายึดครองพื้นที่นี้เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา
รายงานทางทหารที่มีการระบุพิกัดยังชี้ให้เห็นว่าทหารไทยได้เสริมกำลังที่จังหวัดเกาะกง ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาตามแนวถนนชายแดนไปยังจังหวัดโพธิสัตว์ ขณะที่รัฐบาลพนมเปญยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสู้รบในพื้นที่ดังกล่าว
ทางตอนเหนือขึ้นไป กองทัพไทยยังคงพยายามรุกคืบเพื่อยึดครองหมู่บ้านที่มีข้อพิพาทสองแห่งในจังหวัดบันทายเมียนเจียและจุดตรวจชายแดนบึงตระกูล
สำหรับประเทศไทย ความขัดแย้งได้กลายเป็น "สงครามแห่งคะแนนเสียง" นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักข่าวและนักวิจารณ์ชาวไทยผู้มีชื่อเสียงจากการต่อต้านการรัฐประหารในอดีตของไทยกล่าว "ไม่มีพรรคการเมืองใหญ่ของไทยพรรคใดเรียกร้องให้มีการหยุดยิง แม้จะเข้าสู่สัปดาห์ที่สองของสงครามชายแดน และคนไทยจำนวนน้อยมากที่คัดค้านสงครามอย่างเปิดเผย เนื่องจากมีกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งที่แสดงออกอย่างชัดเจน และคนส่วนใหญ่ที่เงียบซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนไม่สนใจการเมือง"
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย อ้างเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมว่าพื้นที่เกือบทั้งหมดที่ กัมพูชาเคยรุกล้ำ ได้ถูกทวงคืนมาแล้ว
นายประวิตรให้ความเห็นว่าสิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณว่าประเทศไทยกำลังเข้าใกล้การเจรจาหยุดยิงมากขึ้น เมื่อกองกำลังของตนวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้ชนะและสลัดภาพลักษณ์ของกองทัพที่ "เสพติดการรัฐประหาร" ออกไปได้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทั้งสามคน ได้แก่ ประวิตร ลอฟลิน และโสภณเตือนว่าสันติภาพที่ยั่งยืนยังคงต้องอาศัยการแทรกแซงจากนานาชาติ ไม่เหมือนกับนายทรัมป์ที่จะขู่จะเก็บภาษี หรืออาเซียนและจีนส่วนใหญ่นั่งดูอยู่ข้างสนาม การแก้ปัญหาที่น่าเชื่อถือใดๆ จะต้องมีการบังคับใช้ที่เป็นรูปธรรม
กองทัพไทยทิ้งระเบิดอาคารศูนย์ฉ้อโกงที่กัมพูชา (อ้างอิงวิดีโอจาก MBN News)
นายโสภณกล่าวว่าการหยุดยิงที่มั่นคงจะต้องมีการถอนกำลังทหารที่ได้รับการยืนยัน เขตกันชนที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง และกลไกในการจัดการเหตุการณ์ก่อนที่จะบานปลาย
“ด้วยความสามารถในการบังคับใช้ของอาเซียนที่จำกัด และแรงกดดันจากวอชิงตันต่อประเทศไทยที่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล จีนอาจอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะปักกิ่งได้ส่งคณะทูตไปยังกรุงเทพฯ และพนมเปญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่จีนให้ความสำคัญกับเสถียรภาพในภูมิภาคมากกว่าการแสดงบทบาทผู้นำอย่างชัดเจน” นายโสภณกล่าวเสริม
ด้วยการนองเลือดครั้งใหม่ทุกวัน จำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น และความท้าทายในการทำให้วิกฤตนี้มีเสถียรภาพก็หนักหน่วงขึ้น
เรียบเรียงจาก:https://thediplomat.com/2025/12/cambodia-counts-the-costs-of-its-border-conflict-with-thailand/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา