
ส่อง 3 พรรคการเมือง ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-ประชาชน’ ออกแบบนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า-ตั๋วร่วม ‘เพื่อไทย’ฟื้นรถไฟฟ้า 20 บาท เพิ่มออปชั่นรถเมล์แอร์ 10 บาท ด้านภูมิใจไทยสานต่อรถไฟฟ้า 40 บาท เก็งแผนซื้อคืนสัมปทานเข้าครม. ขณะที่ ‘ประชาชน’ จั่วหัวรถไฟฟ้า-รถเมล์ 8-45 บาท นักวิชาการชี้จะ 20 หรือ 40 ก็ไม่ต่างกัน ส่วนรถเมล์ไม่ได้แพงขนาดนั้น
ในที่สุด รัฐบาลเฉพาะกาลที่มี ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เป็นนายกรัฐมนตรี ปี่กลองทางการเมืองตีฆ้องกันอีกครั้ง เพราะเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้งแล้ว
ในส่วนของกระทรวงคมนาคม หากย้อนกลับไปดู เจ้ากระทรวงก็มีการผลัดเปลี่ยนจาก ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ของพรรคเพื่อไทย ไปสู่ ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ แห่งพรรคภูมิใจไทย
แม้ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา จะไม่ได้ขับเคลื่อนนโยบายอะไรกันมากนัก แต่หนึ่งในสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำต่อคือ นโยบายลดค่าโดยสารคนกรุงเทพฯและปริมณฑล ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ซึ่งได้เปลี่ยนโฉมจาก รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็น รถไฟฟ้า 40 บาทตลอดสายและทั้งวัน ซึ่งได้ประเดิมไปในส่วนของรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงตลิ่งชัน - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต และสายสีม่วงช่วงคลองบางไผ่ - เตาปูนไปแล้ว โดยมีระยะเวลาในการดำเนินมาตรการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2568 ที่ผ่านมา ไปสิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. 2569 โดยผู้ที่จะใช้สิทธิ์นี้ ต้องมีบัตร EMV (บัตรเดบิต/เครดิต/เติมเงินที่มีชิปคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กฝังอยู่ และมีตราสัญลักษณ์ของ Europay, Mastercard, Visa) จึงจะสามารถเข้าร่วมได้
และอีก 1 ผลงานสำคัญคือการดันต่อแผนจัดหารถเมล์ EV ใหม่โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 1,520 คัน วงเงินรวม 15,355 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนจากยุคเพื่อไทยแต่อย่างใด โดยยังสานต่อนโยบายเดิม และเพิ่งจะมีการยื่นเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือ e-bidding เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2568
ซึ่งในการจัดหารถเมล์ใหม่นี้ นายพิพัฒน์เคยพูดไว้เมื่อครั้งมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมว่า จะมีแนวคิดค่าโดยสารรถเมล์ EV ราคา 8 บาท เฉพาะผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น เพราะคนกลุ่มนี้เป็นผู้เดือดร้อนจากการที่รัฐจะโละรถเมล์ร้อนออกทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา นโยบายและมาตรการข้างต้นก็ต้องกลับไปลุ้นอีกครั้งว่า จะได้สานต่อหรือไม่ เพราะต้องรอประชาชนตัดสินใจกันใหม่ในวันที่ 8 ก.พ. 69 นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงขอรวบรวมนโยบายด้านค่าโดยสารรถไฟฟ้าและรวมไปถึงนโยบายการเชื่อมโยงการเดินทางด้วยบัตรใบเดียว หรือ ‘ตั๋วร่วม’ ว่าแต่พรรคมีแนวคิดอย่างไร?
@เพื่อไทย: สานต่อรถไฟฟ้า 20 บาท เพิ่มโปรฯรถเมล์แอร์ 10 บาทตลอดสาย
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของพรรคเพื่อไทยในงาน "ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้" เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนนี้กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยเตรียมพร้อมลงทะเบียน และพร้อมใช้ และแก้กฎหมายสำคัญจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568, พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ.2568 และ พ.ร.บ.การขนส่งทางราง 2568 ซึ่งทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่า ภายใน 3 เดือนหลังการจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนจะได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทต่อสายทันที
นอกจากนี้ ยังชูนโยบายรถเมล์แอร์ 10 บาท ซึ่งเป็นเส้นเลือดฝอย นำประชาชนเข้าสู่การเดินทางในเส้นเลือดใหญ่ โดยต้องพัฒนาเรื่องระบบรถเมล์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นรถร้อนอยู่จำนวนพอสมควร ถ้ากลับเป็นมาเป็นรัฐบาลจะต้องมีการปรับปรุง รถเมล์ทั้งหมดให้เป็นรถเมล์แอร์ โดยจะให้คนจนสามารถใช้รถเมล์แอร์ ได้ในราคาเดียวกับรถร้อน
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย
@ภูมิใจไทย : เดินตามแผนซื้อคืนสัมปทาน ผนวกทุกสาย 40 บาท
ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทยในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย หลังจากดำเนินนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดสายทั้งวันในส่วนของรถไฟชานเมืองสายสีแดงและรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปแล้ว ยืนยันว่านี่คือสารตั้งต้นในการพัฒนาต่อยอดจาก 2 สายนี้ ซึ่งจะครอบคลุมรถไฟฟ้าทุกสายในกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งนี้ มีการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ซึ่งได้มีมติให้รวมศูนย์การบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้าแบบองค์รวม หรือ “Single Ownership” ไปที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แล้วนั้น ขั้นตอนต่อไปจะต้องหาแนวทางในการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสายทางก่อนว่า จะซื้อคืนแบบไหน เช่น การตั้งกองทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือการให้สัมปทานเอกชนไปก่อน แล้วไปกู้เงินมาจ่ายคืนให้รัฐ เป็นต้น
@พรรคประชาชน : ชูค่าโดยสารร่วม 8-45 บาททุกโหมดเดินทาง
ขณะที่แหล่งข่าวจากพรรคประชาชน เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ในส่วนของนโยบายของพรรคที่เกี่ยวกับค่าโดยสารรถไฟฟ้าและตั๋วร่วม ยังยืนยันบนหลักการเดิมคือ ให้ทุกขนส่งสาธารณะเข้าสู่ค่าโดยสารร่วมให้ได้มากที่สุด โดยของพรรคประชาชนจะดึงลงไปถึงรถสองแถวในตรอกซอกซอยมาร่วมนโยบายนี้ควบคู่ไปกับการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารด้วย
ส่วนนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า แหล่งข่าวจากพรรคประชาชนให้ข้อมูลว่า พรรคไม่ได้แค่รถไฟฟ้า หรือรถเมล์อย่างเดียว เรามองรวมทั้งหมด แล้วใช้ค่าโดยสารร่วมที่เราคิดมาประกอบ โดยค่าโดยสารร่วมที่เหมาะสมคือ เที่ยวละ 8-45 บาทตลอดสาย โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้ผู้ให้บริการรถเมล์และรถไฟฟ้าประมาณปีละ 7,170 ล้านบาทเท่านั้น
ขณะที่ระบบตั๋วร่วม แหล่งข่าวจากพรรคประชาชนกล่าวว่า เบื้องต้นควรมีบัตร EMV ก่อน แต่ในระยะยาวก็มีการวางแผนว่า อาจจะใช้บัตรประชาชนใบเดียวเลยก็ได้ แต่ยังอยู่ระหว่างระดมความคิดเห็นภายในพรรคอยู่

พิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย
@จะ 40 หรือ20 บาทตลอดสาย ไม่ต่างกัน
ด้านนายสุเมธ องกิตติกุล รองประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้ความเห็นว่า การดำเนินนโยบายรถไฟฟ้า 40 บาทเหมาจ่ายรายวันของพรรคภูมิใจไทย ตามหลักการแล้วไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทยเลย เพราะเมื่อรัฐบาลชุดที่แล้วอยู่ไม่นาน ไม่สามารถเตรียมการอะไรได้มาก สุดท้ายก็ต้องเอานโยบายเดิมมาทำไปก่อน เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนชื่อนิดหน่อย แต่ไม่ได้บอกว่า ทำอะไรไม่ดี เพียงแต่ระยะเวลาที่มีน้อยมาก ก็ต้องไปรอการเลือกตั้งรอบหน้าแล้วได้อำนาจเต็มบริหารถึงจะชัดเจน ตอนนั้น จึงค่อยวิพากษ์วิจารณ์กัน น่าจะแฟร์กว่า
ขณะที่แนวคิดซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสายสีในกทม.และปริมณฑล นายสุเมธกล่าวว่า คงต้องรอรายละเอียดที่เป็นทางการกว่านี้ เพราะตอนนี้แนวนโยบายยังไม่ชัดเจนนัก ส่วนการที่จะไม่ให้กระทบหนี้สาธารณะ ในทางการเงิน คงต้องรอสมมติฐานที่ชัดเจนก่อน
@บัตรคนจนมีวงเงินค่ารถอยู่แล้ว
ในส่วนของอัตราค่าโดยสารรถเมล์ รองประธานทีดีอาร์ไอ มองว่า นโยบายการให้ราคาพิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น ต้องไม่ลืมว่าปกติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีวงเงินสำหรับใช้เป็นค่าเดินทาง 750 บาท/เดือนอยู่แล้ว คำถามคือ การที่รัฐทำราคาพิเศษนี้ คนที่ถือบัตรจะได้อะไรมากขึ้น? แล้วเงิน 8 บาทนี้จะตัดผ่านบัตรสวัสดิการฯเลยหรือไม่ หรือต้องโชว์บัตรนี้แล้วจ่ายเป็นเงินสด แล้วเอาจริงๆแล้ว วงเงิน 750 บาทในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ถือว่าเพียงพอสำหรับคนกลุ่มนี้ เพราะหากคิดอัตราค่าโดยสารสูงสุดที่ 25 บาท/ครั้ง 1 คน ขึ้นสัก 40 ครั้ง ก็หมดแล้ว และถ้าจะจ่ายเพิ่ม ก็ไม่ได้จ่ายสูงมาก เต็มที่ไม่ควรทำ ควรเติมเงินในส่วนนี้เพิ่มเป็น 1,000 บาทจะดีกว่าหรือไม่? แต่เนื่องจากรายละเอียดไม่ชัดเจน จึงยังไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรได้ ต้องรอความชัดเจนของนโยบายก่อน
ทั้งนี้ นายสุเมธมองว่า ค่าโดยสารรถเมล์ในกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่ได้แพง เพียงแต่ว่าตอนนี้ ค่าโดยสารรถเมล์เริ่มมีราคาที่สูงกว่ารถไฟฟ้าบางสายแล้ว และด้วยพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป รถไฟฟ้าคนก็เริ่มใช้เยอะกว่ารถเมล์ อีกทั้งในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด จะเห็นได้ว่า รถเมล์ร่วมเอกชนต่างๆประสบภาวะขาดทุนทยอยเลิกกิจการต่อเนื่อง มี ขสมก. อยู่ได้รายเดียว เพราะมีเงินอุดหนุนจากรัฐ และช่วงนี้ทางเอกชนอย่าง ‘ไทยสมายล์บัส’ ถือกำเนิดขึ้น ก็พยายามประกอบกิจการขึ้นมา แต่จะเห็นได้ว่า ไม่ได้รับการกำกับดูแลจากรัฐที่ดีเท่าไหร่นัก ทำให้ปริมาณรถเมล์เอกชนบนท้องถนนลดลง
“ปัญหาอยู่ที่โครงข่ายและการใช้งาน ถนนบ้านเรายังมีถนนสายหลักที่ไม่มีรถไฟฟ้าเยอะ เช่น ถนนพระราม 2 ไม่มีรถไฟฟ้าเลย รถเมล์ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นฟีดเดอร์ มันขึ้นอยู่กับว่า จะกำหนดบทบาทรถเมล์ในแต่ละพื้นที่อย่างไรมากกว่า” นายสุเมธสรุป

สุเมธ องกิตติกุล รองประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา