

เครือข่ายสังคมดี จัดเสวนา ‘ไปต่อหรือพอแค่นี้กับการสร้างรัฐเปิดเผย’ วอนรัฐหยุดปกปิดข้อมูล เชื่อยิ่งเปิดเผยมาก เฟกนิวส์ยิ่งลดลง ชวนประชาชนช่วยตรวจสอบงบประมาณ-โครงการรัฐป้องกันทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวปาฐกถาเปิดงานเครือข่ายสังคมดี (Good Society Summit) โดยกล่าวตอนหนึ่งถึงความเหลื่อมล้ำของของสังคมที่มีค่อนข้างสูง คนรวยกับคนจนมีความห่างไกลกันมากการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆไม่เท่าเทียมกัน เป็นสังคมที่ต้องยอมรับว่าความเหลื่อมล้ำสูงมาก หากมองในเรื่องของความโปร่งใสของธรรมาภิบาลธุรกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีความถดถอย กระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันก็มีความล่าช้า สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการทุจริตมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือเรื่องของเศรษฐกิจก็มีโอกาสที่จะเกิดการทำให้มีการทุจริตเกิดขึ้นเช่นกัน ส่วนเรื่องของการใช้กฎหมายโดยหลักนิติธรรม นิติรัฐ ในบางกรณีคนที่มีอิทธิพลก็สามารถจะใช้กฎหมายให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง บางกรณีอาจอาจจะเปลี่ยนคนผิดเป็นคนถูก หรืออาจทำให้ไม่มีความผิดเลยก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันยังมีการจัดเวทีเสวนาเกี่ยวกับประเด็นการเปิดเผยข้อมูลรัฐ ในหัวข้อ ‘ไปต่อหรือพอแค่นี้กับการสร้างรัฐเปิดเผย’ โดยนายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ บรรณาธิการบริหาร The Matter กล่าวว่า ในฐานะสื่อถ้ารัฐสามารถเปิดเผยข้อมูลได้ทั้งหมดจะเป็นประโยชน์มากกับการรายงานข่าว นอกจากนั้นยังเห็นว่ายิ่งรัฐเปิดเผยข้อมูลมากเท่าไร ปัญหาเฟกนิวส์ก็จะลดลงตามไปด้วย เพราะว่าไม่ใช่แค่สื่อเท่านั้นที่ใช้ข้อมูลมารายงาน ประชาชนเขาก็สามรถหาข้อมูลมาการสื่อสารกันและกันได้เช่นกัน
“ไม่มีสื่อไหนหรอก ที่อยากนำเสนอข้อมูลผิดๆ ทุกสื่ออยากให้ข้อมูลที่มันถูกต้องที่สุดแม่นยำที่สุด” นายพงศ์พิพัฒน์ กล่าว
นายพงศ์พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า อยากให้ภาครัฐเข้าใจว่า สื่อเองมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐ แต่ทุกๆ ข้อมูลที่สื่อพยายามเข้าถึง ไม่ได้ทำไปเพื่อต้องการตรวจสอบภาครัฐทั้งหมด แต่ประโยชน์ของการเข้าถึงข้อมูลภายรัฐโดยสื่อ ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐ เช่น เรื่องโควิดยิ่งปิดข้อมูลประชาชนยิ่งไม่เชื่อมั่น พอไม่เชื่อมั่นลำดับแรกเขาไปหาข้อมูลจากสื่อ พอสื่อโดนปิดข้อมูลอีก ประชาชนเขาก็ไปคุยกันเอง มันยิ่งเกิดความสับสน นอกจากนี้ตนเชื่อว่ารัฐไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในการเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ แค่รัฐเปิดเผยข้อมูลมา เดี๋ยวก็มีสื่อ มีภาคเอกชน มีภาคประชาสังคม หยิบข้อมูลเหล่านั้นไปนำเสนอต่อ ไปใช้ประโยชน์ต่อได้
นายธิปไตร แสละวงศ์ นักวิจัยด้านการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ กล่าวว่า เครือขายธรรมาภิบาลภาครัฐเรื่องความโปร่งใสด้านการคลังขณะนี้ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้เห็น ตนจึงมองว่าในอนาคตจะต้องมีการแก้ไข ยกตัวอย่างเช่น การเผยแพร่เอกสารการของบประมานจะต้องให้ประชาชนดูได้ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณ ก็ควรจะเป็นข้อมูลที่ประชาชนเข้าถึงได้ด้วยเช่นกัน
ด้าน ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษา HAND Social Enterprise กล่าวว่า เครื่องมือในการตรวจสอบทุจริตถือว่ามีความสำคัญ ยกตัวอย่างกรณี https://actai.co/ ที่มาช่วยเปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง มีรายละเอียดชื่อหน่วยงาน งบประมาน ใครเป็นคนซื้อให้ และตอนประมูลมีใครแข่งประมูลบ้าง ราคาห่างกันเท่าไร เมื่อเห็นรายละเอียดแบบนี้ อาจคาดเดาได้ว่ามีความสุ่มเสี่ยงอะไร ยกตัวอย่างประมูลมีผู้เข้าแข่งขัน 5 ราย แต่ 4 รายยื่นราคาเดียวกันหมด แต่มีอีก บริษัทหนึ่ง ที่เสนอราคาต่ำกว่าคนอื่นแค่ 10 บาท แล้วชนะการประมูล มันมีความสุ่มเสี่ยงสูงมากๆ ซึ่งถามว่าเปิดเผยข้อมูลแล้วช่วยอะไร ก็คือประชาชน 60 ล้านคนสามารถเห็นข้อมูลเหล่านี้ และช่วยกันตรวจสอบได้


# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา