
กสม.ยืนยันคัดค้านส่งชาวชาวอุยกูร์กลับจีน ทำหน้าที่ยึดหลักการสิทธิมนุษยชน ไม่ผลักดันบุคคลกลับสู่อันตราย ตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานฯ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ตามที่เพจสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อความ
การตอบคำถามผู้สื่อข่าวของโฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 กรณีข่าวการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รับทราบข้อมูลดังกล่าวด้วยความไม่สบายใจ เนื่องจากไทยและจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าในการปฏิบัติหน้าที่ กสม. ยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชนที่ห้ามผลักดันบุคคลกลับไปสู่อันตราย (Non-refoulement) ซึ่งเป็นพันธกรณีของไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) ที่ประเทศไทยเป็นภาคี และตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย (Chinese embassy in Bangkok) ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีกรรมการสิทธิมนุษยชนไทย ได้มีการพาดพิงถึงประเทศจีน มีเนื้อหาดังนี้
คำกล่าวของโฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย
ตามรายงานของสื่อไทยเมื่อวันที่ 29 มกราคม มีกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ไดมีคำกล่าวอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาในซินเจียงของจีน และการส่งผู้ที่เข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมายกลับประเทศจีน สถานทูตจีนประจำประเทศไทยจึงต้องคัดค้านอย่างหนักและแสดงจุดยืนดังต่อไปนี้:
1. “ทางประเทศเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน” “พลเมืองจีนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา” และ “ทางประเทศปกป้องกิจกรรมทางศาสนาตามปกติ” สิ่งเหล่านี้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญจีนและเป็นนโยบายของรัฐบาลจีนด้วย เสรีภาพในการนับถือศาสนาของชาวมุสลิมในซินเจียงของจีนได้รับการรับประกันอย่างสมบูรณ์ คำกล่าวที่ว่า “ปัจจุบันรัฐบาลจีนรื้ออัลกุรอานและภาษาอาหรับออกทั้งหมด” นั้นไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงอย่างเด็ดขาด
2. เมื่อ 10 กว่าปีก่อน มีพลเมืองจีนบางส่วนถูกยุยงและหลอกลวงโดยกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มกำลังต่อต้านจีนในต่างชาติ และลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ถูกส่งกลับประเทศจีนนั้นได้รับการจัดการตามกฎหมาย สิทธิตามกฎหมายของพวกเขา ได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างสมบูรณ์ และพวกเขาส่วนใหญ่ก็ได้กลับคืนสู่สังคม และดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข คำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของพวกเขา เชื่อว่าถูกฆ่าตายไปแล้วทั้งหมด” เป็นการกลับเท็จเป็นจริง ปั้นน้ำเป็นตัว และเป็นคำโกหกอันชั่วร้ายและน่าอับอาย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา