
'เซีย จำปาทอง-สหัสวัต คุ้มคง' สส.ปชน.มอบ 10 ข้อเสนอการดูแล-เยียวยาแรงงานจากเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม ต่อ 'พิพัฒน์ รัชกิจประการ' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอความร่วมมมือเอกชนส่งรายชื่อผู้รับเหมา-ลูกจ้าง-กำหนดมาตรการชดเชยลูกจ้าง-ทายาท-อำนวยความสะดวกพิสูจน์ตัวตนแรงงานข้ามชาติ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2568 นายเซีย จำปาทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน ยื่นหนังสือข้อเสนอการดูแลเยียวยาแรงงานจากเหตุการณ์ตึกถล่ม ต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยมีข้อเสนอ 10 ประการ ได้แก่
1. ขอความร่วมมือให้บริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งผู้รับเหมาหลักและผู้รับเหมาช่วง ส่งรายชื่อผู้รับเหมาช่วงและลูกจ้างทั้งหมด พร้อมหลักฐานการนำส่งสำนักงานประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน เพื่อดำเนินการ ชดเชยเยียวยาต่อไป
2. พิจารณากำหนดมาตรการให้สำนักงานประกันสังคมและสำนักงานกองทุนเงินทดแทน พิจารณานำเงินในกองทุนเงินประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนมาใช้ในการชดเชยเยียวยาให้ลูกจ้างและทายาท ทั้งหมด โดยไม่มีการแยกลูกจ้างในกองทุนหรือนอกกองทุน และให้ถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานในการบังคับ ใช้กฎหมายกับนายจ้างที่ไม่นำส่งประกันสังคมต่อไป
3. กำหนดมาตรการการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานในการเยียวยาและให้ความรับผิดชอบ ในการชดเชย โดยให้นายจ้างชั้นต้น (บริษัทที่รับเหมาหลัก) ร่วมรับผิดชอบในค่าชดเชยร่วมกับผู้รับเหมารายย่อย
4. อำนวยความสะดวกในการพิสูจน์ตัวตนและทายาทในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยให้มีจุด ประสานงานที่ชัดเจน เพื่อทำงานตรวจสอบและดูแลแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้อย่าง ครอบคลุม
5. ประสานงานตั้งจุดประชาสัมพันธ์และตั้งเบอร์โทรกลาง ประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงเพื่อให้ข้อมูลที่ ชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการพิสูจน์ตัวตนทายาทอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทายาทของทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้าม ชาติ ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมด รวมถึงจัดหาล่ามและจัดทำเอกสารข้อมูลที่เป็นภาษาของแรงงาน ระบุขั้นตอนที่ ชัดเจนและเข้าใจง่าย ประสานงานกับสถานทูตของประเทศต้นทางอย่างใกล้ชิดเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการ
6. มีมาตรการผ่อนผันด้านเอกสารแรงงานในระหว่างที่มีการดำเนินการขอใบอนุญาตทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในสถานการณ์ฉุกเฉิน เปิดให้มีการขึ้นทะเบียนสำหรับลูกจ้างในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการ ก่อสร้างตึกดังกล่าว เพื่อจัดเก็บข้อมูลและอนุญาตให้นายจ้างสามารถส่งเงินสมทบประกันสังคมย้อนหลังเพื่อให้ ลูกจ้างได้รับสิทธิในการเยียวยา อาจจะเปิดขึ้นทะเบียนในสถานการณ์ภัยพิบัติ จากการประกาศเขตภัยพิบัติ งด เว้นค่าใช้จ่าย เพื่อจูงใจให้นายจ้างนำแรงงานมาขึ้นทะเบียน ต้องตั้งเป้าเยียวยาทุกคนเป็นหลัก เรื่องการจ้างแรงงานผิดกฎหมายเป็นเรื่องหลังจากนี้
7. มีกระบวนการตรวจสอบการจ่ายค่าจ้างที่ลูกจ้างได้ทำงานมาแล้ว เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสไม่ จ่ายค่าจ้าง
8. ประสานงานและตรวจสอบลักษณะการจ้างงานของลูกจ้างในบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ เกิดความชัดเจนในการเยียวยาแรงงาน
9. พิจารณานำเงินกองทุนที่เกี่ยวข้องมาช่วยเยียวยาครอบครัวและแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ทั้งหมดโดยเร่งด่วน
10. กำหนดแนวทางตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน และพิจารณาออกแนวทางในการกำหนดมาตรการความปลอดภัยในการทำงานใน กิจการก่อสร้าง
ทั้งนี้มีรายละเอียดของหนังสือ ดังนี้
จากกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งแรงสะเทือนถึงหลายจังหวัดของ ประเทศไทยรวมถึงกรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่อยู่ระหว่าง ก่อสร้างบริเวณเขตจตุจักรพังถล่ม มีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้สูญหายติดอยู่ใต้ซากตึกถล่มจำนวนมาก ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน ผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา จำนวน 83 คน แบ่งเป็น แรงงานไทย 55 คน แรงงานข้ามชาติ 28 คน
ประกอบด้วย เมียนมา 24 คน กัมพูชา 3 คน และ ลาว 1 คน โดยพบว่าผู้รับเหมาในการก่อสร้างตึกดังกล่าวคือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (ITD-CREC) ประกอบด้วยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนต์ และบริษัท ไชน่า เรล เวย์ นัมเบอร์ 10 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด มีการจ้างงานในรูปแบบเหมาช่วง (Subcontractor) อีกกว่า 20 บริษัท ส่งผลให้การจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานเพื่อประเมินความเสียหายทำได้ไม่สมบูรณ์ เช่น รายชื่อของลูกจ้างทั้งหมดกับรายชื่อลูกจ้างที่มีการนำส่งประกันสังคม
จากกรณีดังกล่าว พรรคประชาชนมีข้อกังวลในประเด็นแรงงานดังนี้
1. การชดเชยเยียวยาลูกจ้างทั้งหมดจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนายจ้าง ผู้รับเหมาในการก่อสร้าง และรัฐบาล ไม่ให้เกิดการปฏิเสธความรับผิดชอบ
2. การตรวจสอบตัวตนและทายาทของผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงิน ทดแทน หากไม่สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว จะทำให้การพิสูจน์ตัวตนทำได้ยากขึ้น
3. การเข้าถึงสิทธิการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยการหยุดงานของผู้บาดเจ็บ ต้อง ตรวจสอบเพื่อนำสืบสิทธิตามกฎหมาย
4. การเข้าถึงการชดเชย เยียวยา ของแรงงานที่นายจ้างไม่ได้นำเข้าระบบประกันสังคม
5. การเข้าถึงการชดเชย เยียวยา ของแรงงานข้ามชาติที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการทาง เอกสาร และรอสิทธิประกันสังคม
6. การเข้าถึงข้อมูลและความช่วยเหลือของแรงงานข้ามชาติที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ มัก เผชิญปัญหาด้านการติดต่อและการสื่อสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้แรงงานไม่สามารถเข้าถึงความ ช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. เอกสารประจำตัวของแรงงานข้ามชาติที่สูญหายและไม่สามารถดำเนินการต่ออายุได้ในระหว่าง ที่มีกระบวนการการต่ออายุเอกสาร
จากข้อกังวลข้างต้น พรรคประชาชนโดย ข้าพเจ้า นายเซีย จำปาทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคประชาชน สัดส่วนเครือข่ายแรงงาน ในฐานะผู้ติดตามภารกิจการ เยียวยาจากภาครัฐจากเหตุการณ์ตึกถล่ม และ นายสหัสวัต คุ้มคง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขต จังหวัดชลบุรี จึงมีข้อเสนอถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อให้ดำเนินการดูแลเยียวยาแรงงานโดยไม่ล่าช้า ดังนี้
1. ขอความร่วมมือให้บริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งผู้รับเหมาหลักและผู้รับเหมาช่วง ส่งรายชื่อผู้รับเหมา ช่วงและลูกจ้างทั้งหมด พร้อมหลักฐานการนำส่งสำนักงานประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน เพื่อดำเนินการ ชดเชยเยียวยาต่อไป
2. พิจารณากำหนดมาตรการให้สำนักงานประกันสังคมและสำนักงานกองทุนเงินทดแทน พิจารณานำเงินในกองทุนเงินประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนมาใช้ในการชดเชยเยียวยาให้ลูกจ้างและทายาท ทั้งหมด โดยไม่มีการแยกลูกจ้างในกองทุนหรือนอกกองทุน และให้ถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานในการบังคับ ใช้กฎหมายกับนายจ้างที่ไม่นำส่งประกันสังคมต่อไป
3. กำหนดมาตรการการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานในการเยียวยาและให้ความรับผิดชอบ ในการชดเชย โดยให้นายจ้างชั้นต้น (บริษัทที่รับเหมาหลัก) ร่วมรับผิดชอบในค่าชดเชยร่วมกับผู้รับเหมารายย่อย
4. อำนวยความสะดวกในการพิสูจน์ตัวตนและทายาทในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยให้มีจุด ประสานงานที่ชัดเจน เพื่อทำงานตรวจสอบและดูแลแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้อย่าง ครอบคลุม
5. ประสานงานตั้งจุดประชาสัมพันธ์และตั้งเบอร์โทรกลาง ประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงเพื่อให้ข้อมูลที่ ชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการพิสูจน์ตัวตนทายาทอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทายาทของทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้าม ชาติ ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมด รวมถึงจัดหาล่ามและจัดทำเอกสารข้อมูลที่เป็นภาษาของแรงงาน ระบุขั้นตอนที่ ชัดเจนและเข้าใจง่าย ประสานงานกับสถานทูตของประเทศต้นทางอย่างใกล้ชิดเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการ
6. มีมาตรการผ่อนผันด้านเอกสารแรงงานในระหว่างที่มีการดำเนินการขอใบอนุญาตทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในสถานการณ์ฉุกเฉิน เปิดให้มีการขึ้นทะเบียนสำหรับลูกจ้างในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการ ก่อสร้างตึกดังกล่าว เพื่อจัดเก็บข้อมูลและอนุญาตให้นายจ้างสามารถส่งเงินสมทบประกันสังคมย้อนหลังเพื่อให้ ลูกจ้างได้รับสิทธิในการเยียวยา อาจจะเปิดขึ้นทะเบียนในสถานการณ์ภัยพิบัติ จากการประกาศเขตภัยพิบัติ งด เว้นค่าใช้จ่าย เพื่อจูงใจให้นายจ้างนำแรงงานมาขึ้นทะเบียน ต้องตั้งเป้าเยียวยาทุกคนเป็นหลัก เรื่องการจ้างแรงงานผิดกฎหมายเป็นเรื่องหลังจากนี้
7. มีกระบวนการตรวจสอบการจ่ายค่าจ้างที่ลูกจ้างได้ทำงานมาแล้ว เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสไม่ จ่ายค่าจ้าง
8. ประสานงานและตรวจสอบลักษณะการจ้างงานของลูกจ้างในบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ เกิดความชัดเจนในการเยียวยาแรงงาน
9. พิจารณานำเงินกองทุนที่เกี่ยวข้องมาช่วยเยียวยาครอบครัวและแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ทั้งหมดโดยเร่งด่วน
10. กำหนดแนวทางตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน และพิจารณาออกแนวทางในการกำหนดมาตรการความปลอดภัยในการทำงานใน กิจการก่อสร้าง
พรรคประชาชนขอร่วมส่งกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อคลี่คลาย สถานการณ์ เราพร้อมสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ และหวังว่ารัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานจะ พิจารณาข้อเสนอเหล่านี้ ทำให้พี่น้องแรงงานทุกคนที่ได้รับผลกระทบ เข้าถึงสิทธิและการเยียวยาจากภาครัฐอย่าง รวดเร็ว เสมอภาค เป็นธรรม
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการจะขอบพระคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา