
ครม.อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงิน ‘ธนาคาร AIIB' จำนวน 13,891 ล้านบาท สร้างรันเวย์ 2 สนามบินอู่ตะเภา มอบรมว.คลังเป็นผู้ลงนาม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากทำเนียยรัฐบาลกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลัง ดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงการคลัง กู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจากธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) วงเงิน 423.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 13,891.75 ล้านบาท)
2. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้องของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (ก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2) (โครงการฯ) และเห็นชอบในการระบุให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารเงื่อนไขทั่วไปสำหรับเงินกู้รัฐบาล (General Conditions for Sovereign - Backed Loans) ฉบับวันที่ 22 ตุลาคม 2564 ของ AIIB
3. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ และจดหมายการยืนยันข้อผูกพันและการให้ข้อมูลทางการเงินของโครงการฯ
4. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) จัดทำคำรับรองทางกฎหมาย (Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ของโครงการฯ ในโอกาสแรก ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้ว
5. มอบหมายให้กองทัพเรือ (ทร.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกระบุไว้ในคู่มือการปฏิบัติงาน สัญญาเงินกู้ กฎข้อบังคับต่าง ๆ ของ AIIB และเอกสารแนบท้ายสัญญาที่เกี่ยวข้องของโครงการฯ ตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) รวมทั้งข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอให้ ทร. คำนึงถึงผลกระทบการระงับวงเงินกู้หรือสิทธิในการเรียกให้ชำระคืนเงินกู้ได้ทันทีตามเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ของ AIIB หากจะมีการแก้ไขสัญญาการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ร่วมกันระหว่าง ทร. และบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (Joint Use Agreement : JUA) ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหรือการกระทำผิดเงื่อนไขตามสัญญาเงินกู้
@ครม.อนุมัติเมื่อปี 65
สาระสำคัญของเรื่อง เดิมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 และ 1 พฤศจิกายน 2565 อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ) ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และกองทัพเรือ (ทร.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ กำกับและติดตามแผนการบูรณาการในภาพรวมและการประสานงานกับหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ สอดคล้องตามเงื่อนไขของ PPP รวมถึงอนุมัติกรอบวงเงิน จำนวน 17,768 ล้านบาท ให้กับ ทร. เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (ก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2) โดยให้**กระทรวงการคลัง (กค.) จัดหาเงินกู้ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในกรอบวงเงิน 16,210 ล้านบาท ให้กับ ทร. และให้ สงป. จัดสรรงบประมาณสมทบในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้และเงินงบประมาณเป็นไปตามที่ กค. ตกลงกับแหล่งเงินกู้
ต่อมากระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เจรจากับคณะผู้แทนธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกู้สำหรับโครงการฯ จำนวน 13,891.75 ล้านบาท หรือ 423.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนได้ข้อยุติร่วมกัน ซึ่ง ทร. จะใช้งบประมาณสมทบจากภาครัฐอีก 2,480.53 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนเงินกู้ต่องบประมาณ ประมาณร้อยละ 85: 15 ของกรอบวงเงินสำหรับการก่อสร้างโครงการฯ
จากนั้นกระทรวงการคลัง ได้ส่งร่างสัญญาเงินกู้โครงการฯ และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) ตรวจพิจารณา ซึ่ง อส. ได้ให้ข้อสังเกตบางประการเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการของ สบน. แล้ว โดย สบน. ได้ประสานกับหน่วยงานดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง AIIB เพื่อทบทวนและปรับปรุงรายละเอียดของสัญญาเงินกู้และเอกสาร ที่เกี่ยวข้องตามข้อสังเกตในประเด็นข้อกฎหมายของ อส. เรียบร้อยแล้ว **กระทรวงการคลังจึงขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้โครงการฯ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกรอบวงเงินกู้จำนวน 423.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขอให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามที่กำหนดในร่างสัญญาเงินกู้โครงการฯ** รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยในสัญญาเงินกู้โครงการฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการนี้ บริษัท **อิตาเลียนไทย** ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ITD” เป็นผู้เสนอราคาการประมูลก่อสร้างต่ำสุดที่ 13,200 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ที่ 15,200 ล้านบาท ส่วนการประมูลคัดเลือกที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง ราคากลาง 480 ล้านบาท ล่าสุด ได้ตัวผู้รับจ้างแล้ว และเป็นกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาที่มีทั้งไทยและต่างชาติเข้าร่วมยื่นข้อเสนอ โดยคาดว่าจะลงนามในสัญญาได้หลังจากที่ ครม.มีมติอนุมัติเงินกู้ดังกล่าวแล้ว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา