
กรรมาธิการวิสามัญฯ ร่าง พ.ร.บ. งบปี 69 รุมซักถาม ‘สลค. งบสร้าง-ซ่อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 377 ล้าน ‘เลขาฯครม.’ แจง ซ่อม ถูกกว่าสร้าง ‘วิโรจน์’ ปูด กรมศุลกากร เอื้อ ‘ล็อบบี้ยิสต์’ นำเข้าอาวุธ ‘ศิริกัญญา’ ทวง เงินสงเคราะห์ลูกจ้าง สภาพัฒน์-สำนักงบฯ-คลัง ขวาง สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง -เงินอุดหนุนเด็กถ้วนหน้า หน่วยงานต่างค้าน ระบุ ภาระงบประมาณ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 4/2568 โดยมีระเบียบวาระพิจารณางบประมาณในส่วนของ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) สำนักงบประมาณ สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการมาชี้แจง
@ กมธ.รุมซัก งบสร้าง-ซ่อมเครื่องราชฯ 377 ล้าน
นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ กมธ. สอบถามงบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ปี 69 วงเงิน 377 ล้านบาท ว่า ค่าซ่อมเปรียบเทียบปี 68 กับ ปี 69 จะเห็นว่า ค่าซ่อมเกินครึ่ง ขอตั้งเป็นข้อสังเกตค่าซ่อมบำรุงที่มาก เป็นเพราะวัสดุที่ใช้ไม่แข็งแรงมากพอหรือไม่ สามารถดีไซน์ให้ใช้งานง่ายขึ้นเพื่อให้ค่าซ่อมบำรุงน้อยลงได้หรือไม่
นายภัณฑิล น่วมเจิม กมธ. สอบถามเรื่องงบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ว่า สถิติการขอเครื่องราชฯ จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะจะส่งผลต่อการวางแผนงบประมาณระยะยาว ซึ่งในปีงบ 69 ค่าสร้าง วงเงิน 278 ล้านบาท และค่าซ่อม วงเงิน 98 ล้านบาท
นางสาวรักชนก ศรีนอก กมธ. สอบถามในส่วนของงบประมาณสร้าง ซ่อม อิสริยาภรณ์ วงเงิน 376 ล้านบาท ว่า การตั้งงบประมาณซ่อมแซมเครื่องราชฯ วงเงิน 98 ล้านบาท อยากทราบว่า เพราะเหตุใดคนที่ได้รับเครื่องราชฯไปแล้ว เกิดการชำรุด ไม่ออกเงินซ่อมแซมเอง หรือเป็นเพราะต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ และทำไมถึงมีราคาซ่อมแพง
“เครื่องราชฯจะมีในส่วนของการออกค่าซ่อมเอง กับซ่อมให้ อยากทราบว่า แบบไหนถึงออกค่าซ่อมเอง แบบไหนถึงมาเบิกในส่วนของการตั้งงบประมาณไว้ 100 ล้านบาท”นางสาวรักชนกล่าว
@ ‘เลขาฯครม.’ แจง ค่าซ่อม ถูกกว่าสร้าง
นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เหตุผลที่ทำให้งบค่าซ่อมเครื่องราชฯจำนวนมาก เกิดจากยอดส่งคืนเครื่องราชฯ สูงขึ้น เนื่องจากทางสลค. มีการประชาสัมพันธ์ และมาตราการเร่งรัดให้ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ทราบถึงหน้าที่ว่า หากผู้ได้รับเครื่องราชฯ ในชั้นตระกูลชั้นสูงขึ้น ต้องคืนชั้นรองในตระกูลเดียวกัน หรือคืนเครื่องราชฯในกรณีได้รับเสียชีวิต หรือโปรดเกล้าฯให้ส่งคืน ดังนั้นเหตุผลก็คือ ยอดส่งคืนสูงขึ้น อีกหนึ่งสาเหตุ คือ ราคาวัสดุและฝีมือช่างในการทำหรือซ่อมสูงขึ้น แต่ถึงแม้งบประมาณซ่อมเครื่องราชฯจะสูงขึ้น เมื่อเทียบกับการสร้าง ข้อดีคืองบซ่อมคิดเป็น 30-40 % ของค่าสร้าง ดังนั้น งบค่าซ่อมต่อชิ้นจะถูกกว่าค่าสร้างต่อชิ้น
“ส่วนการชำรุดแล้วทำไมไม่ซ่อมเอง สลค.เป็นหน่วยงานเดียวที่ได้รับสิทธิ์ในการสร้างซ่อมเครื่องราชฯ ตามกฎหมาย กรณีที่ทำชำรุดเองให้ติดต่อสลค. อาจจะต้องออกค่าซ่อมเองด้วย”นางณัฐฏ์จารีกล่าว
นางณัฐฏ์จารีกล่าวว่า กรณีชำรุดเสียหาย ผู้ได้รับเครื่องราชฯต้องออกเงินซ่อมเอง แต่ค่าซ่อมที่ตั้งอยู่ในงบประมาณประจำปี เป็นค่าซ่อมกรณีมีการส่งคืนตามกฎหมาย หมายความว่า คนที่ได้ขั้นสูงก็จะส่งลำดับรองของตระกูลนั้นคืนมา เมื่อส่งคืนมาก็ต้องตรวจสอบว่าต้องซ่อมหรือไม่ ซึ่งเป็นค่าซ่อมที่สลค.ตั้งงบประมาณไว้
@ ทวง เงินสงเคราะห์ลูกจ้าง-อุดหนุนเด็กถ้วนหน้า
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล กมธ. สอบถามว่า กลไกการบรรจุวาระครม. ซึ่งเป็นหน้าที่ของ สลค. แต่พบว่าเรื่องที่ผลักดันไปยังกระทรวงแรงงานและได้ตั้งวาระไว้และมีหนังสือเวียนออกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการบรรจุเป็นระเบียบวาระเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของครม. จึงอยากทราบว่า ระยะเวลาในการนำเรื่องเข้าสู่ครม.ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ และควรรอต่อไปหรือไม่ เช่น เรื่องการของบกลางฯเพื่อเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เนื่องจากมีลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับเงินชดเชย ซึ่งกระทรวงแรงงานได้เสนอเรื่องไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 จึงอยากได้รับคำตอบว่า ลูกจ้างเหล่านั้นควรรอต่อไปหรือไม่
นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า เรื่องงบประมาณอุดหนุนเด็กแรกเกิดถ้วนหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ครม.มีมติรับทราบมติของคณะกรรมการสวัสดิการเด็ก และกรมกิจการเด็กและเยาวชนได้เสนอวาระเข้าครม.ไปตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2567 อย่างไรก็ตามยังไม่มีมติครม.เพื่ออนุมัติ ส่งผลให้สำนักงบประมาณไม่สามารถจัดสรรเงินเลี้ยงดูเด็กถ้วนหน้าได้ จึงอยากทราบควรรอต่อไป หรือตัดใจดี
นางณัฐฏ์จารี ชี้แจงว่า กลไกการบรรจุวาระครม.ต่าง ๆ เมื่อได้รับเรื่องจากหน่วยงานเสนอเรื่องเข้าครม. ก็ต้องสอบถามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยว และรอความเห็นสำคัญในการบรรจุเรื่องเข้าครม. เมื่อมีข้อมูลเพียงพอถึงจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ได้
นางณัฐฏ์จารี ชี้แจงว่า การส่งเอกสาร การบรรจุ บางครั้งมีความล่าช้า เพราะหน่วยงานเสนอข้อมูลมาไม่ครบถ้วน หรือ ไม่มีประเด็นเสนอครม.พิจารณรา ไม่มีความชัดเจน บางทีสลค.สอบถามกลับไปใหม่เพื่อขอข้อมูลให้ชัดเจนมากขึ้น และกว่าจะตอบกลับมาก็ใช้เวลานาน ดังนั้น เรื่องที่เสนอมาตั้งแต่ครั้งแรกล่าช้าออกไป
นางณัฐฏ์จารี ชี้แจงว่า ในส่วนของเรื่องเงินอุดหนุนเด็กของกระทรวงพม. สลค.ได้รับเรื่องในวันที่ 29 ม.ค.2568 และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมในเดือนมี.ค. 68 เพราะฉะนั้นจึงต้องรอกระทรวงพม.ส่งข้อมูลมาให้กลับถ้วนก่อนถึงจะเข้าสู่กระบวนการเสนอเรื่องเข้าสู่ครม.และจะเร่งดำเนินการเสนอเข้าครม.เพื่อพิจารณาต่อไป
“เรื่องนี้ต้องรอความเห็นจากหน่วยงานเป็นจำนวนมากเพราะ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับภาระงบประมาณ ที่จะขอเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เบี้ยคนพิการร เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งจะทำให้ภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกเกือบแสนล้านบาท จากปัจจุบันที่ตั้งไว้แล้ว 218,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูง และหลายหน่วยงานยังมีความเห็นที่ไม่ค่อยสบายใจในเรื่องของภาระงบประมาณในส่วนนี้”นางณัฐฏ์จารี ชี้แจง
นางณัฐฏ์จารี ชี้แจงว่า สำหรับงบประมาณกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง นั้น ความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นว่า จะเป็นเรื่องของการสร้างบรรทัดฐานการดำเนินงานในอนาคต และจะเป็นตัวอย่างเอกชนให้เลิกจ้างทำแบบเดียวกัน คือ เวลาเลิกจ้างก็จะไม่จ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้าง และไปบอกกับลูกจ้างให้มาเอาเงินจากภาครัฐแทน ซึ่งเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง
@ ภาระงบประมาณ
นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวนการสำนักงบประมาณ ชี้แจงว่า งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งให้กับการอุดหนุนดูแลเด็กแรกเกิด เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และคนพิการ ตามมติครม.เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 รับทราบข้อเสนอการพัฒนาหลักประกันทางสังคมแก่เป้าหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของคณะกรรมการส่งเสริมและการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ โดยมอบหมาให้กระทรวงพม. รับข้อเสนอไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับความจำเป็น ความเหมาะสม การดำเนินการตามข้อเสนอแนะให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพสังคมในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประโยชน์และความคุ้มค่า รวมถึงภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นในอนาคต ขณะนี้กระทรวงพม. อยู่ในระหว่างหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาข้อจำกัดและปัจจัยทุกด้าน รวมถึงสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ
“ถ้าครม.มีมติเห็นชอบในเรื่องงบประมาณก็จะเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องการดูแลเด็กแรกเกิด ทุกคนคงเห็นด้วยว่าเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมการ คือ เรื่องของวิธีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ต้องดูภาพรวมทั้งหมดของประเทศ เพราะเป็นภาระงบประมาณค่อนข้างสูง”นายอนันต์กล่าว
@ วิโรจน์ ปูด กรมศุลฯ เอื้อ ‘ล็อบบี้ยิสต์’ นำเข้าอาวุธ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กมธ. กล่าวว่า พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติฯ มาตรา 26 วรรคสาม ระบุว่า กรณีหน่วยงานของรัฐไม่ดำเนินการตามวรรคสอง โดยไม่มีเหตุอันสมควร คือ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติให้ถือว่าหัวหน้าหน่วยงานของรัฐนั้นจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายและให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติแจ้งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
นายวิโรจน์กล่าวว่า อุตสาหกรรมเป้าหมายอับดับที่ 11 คือ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เข้าใจว่า ที่ผ่านมา ป.ย.ป.ได้รับเรื่องร้องเรียนพอสมควรเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีศุลกากรที่ไม่ได้สนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้ขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ชาติเลย ป.ย.ป.จะทำอย่างไร หรือจะใช้อำนาจตามพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติฯ ในการสั่งการอย่างเพราะ
เพราะตอนนี้เริ่มเข้าข่ายที่อธิบดีกรมศุลกากรและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอาจจะเข้าข่ายมาตรา 26 วรรคสาม และถ้าไม่ดำเนินการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายอันดับที่ 11 ตามยุทธศาสตร์ชาติ และ ป.ย.ป.ไม่ทำอะไร ไม่บังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 26 วรรคสาม ป.ย.ป.ก็สุ่มเสี่ยงที่จะละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งเข้าข่ายตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ป.ป.ช.มาตรา 172 ประกอบมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งนายวิโรจน์จะไปร้องต่อหน่วยงานตรวจสอบต่อไป
“ปัจจุบัน คุณเอื้อให้การนำเข้าอาวุธผ่านล็อบบี้ยิสต์มาขายให้กับกองทัพ แต่ผู้ประกอบการไทยผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์เอง กลับไม่ได้รับการสนับสนุนด้านภาษีเลย เป็นการบั่นทอน เหมือนกับจะเอื้อให้หน่วยงานรัฐเอาเงินออกนอกประเทศ ซึ่งไม่เกิดการหมุนเวียนใดๆในระบบเศรษฐกิจเลย”นายวิโรจน์กล่าว
นางชุติมา หาญเผชิญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป. ชี้แจงว่า พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ กำหนดให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบ และเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ สำนักงาน ป.ย.ป.ยังไม่ได้มีส่วนใดอยู่ในพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติฯ
ที่มาภาพปก : เว็บไซต์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
เนื้อหาข่าวมากจาก : youtube - Rukchanok Srinork - รักชนก ศรีนอก

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา