
'จิรพงษ์' เปิดสาเหตุ 'สมศักดิ์'กังวลลูกหลานของคนไทยที่จะเป็นแพทย์ หลังแพทยสภา ลงโทษ 3 หมอ หวั่น ถูกร้อง-กระทบสิทธิผู้ต้องขังรักษา รพ.รัฐ สวนทาง สธ.ยกระดับบริการสาธารณสุข เผยที่ผ่านมามีนักโทษเด็ดขาดนับหมื่นที่ได้พักฟื้นนาน ยันเอกสารแพทยสภาส่งมา 'ทักษิณ' ป่วยจริง ลบล้างคำกล่าวหาป่วยทิพย์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 256 นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการสอบถาม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการ สธ. เกี่ยวกับเรื่องการคัดค้าน (วีโต้) มติของคณะกรรมการแพทยสภาในกรณีลงโทษแพทย์ 3 ราย นายสมศักดิ์ ไม่ได้วิตกกังวลเลยที่ถูกโยงกับประเด็นทางการเมืองเรื่องการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะจากเอกสารที่แพทยสภาส่งมาต้องยอมรับว่า นายทักษิณ ป่วยจริง เข้ารับการผ่าตัดจริง และแพทย์ให้ความเห็นสมควรให้รักษาอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นการลบล้างคำกล่าวหาว่า ป่วยทิพย์
แต่สิ่งที่นายสมศักดิ์ยังกังวลอยู่ คือการตัดสินลงโทษมาตรฐานทางจริยธรรมที่มองว่ารุนแรงเกินไปกับแพทย์รัฐทั้ง 3 ราย ตามความเห็นคัดค้านที่ส่งให้แพทยสภาไปแล้วนั้น จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อแพทย์ของรัฐในการใช้ดุลพินิจการรักษา การปฏิบัติราชการ ไม่เกิดผลดีต่อประชาชนจากการรับบริการทางการแพทย์ด้วยสิทธิต่างๆของรัฐ โดยเฉพาะผลกระทบกับนักโทษเด็ดขาดที่ป่วย มีโรคประจำตัว และอายุมาก ที่จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐอย่างต่อเนื่องด้วยขีดจำกัดในการรักษาของโรงพยาบาลราชทัณฑ์
นายจิรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนเป็นอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารการจัดการกองทุน ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือนโยบายของ นายสมศักดิ์ ที่ตั้งใจพัฒนาการขยายสิทธิ ขยายโอกาส เพิ่มยานวัตกรรมใหม่จากต่างประเทศในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนที่ถือบัตรทอง 47 ล้านคนได้รับการรักษาการให้บริการของหน่วยบริการสาธารณสุขที่ทัดเทียม โดยพยายามเทียบเคียงการให้บริการของโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ ซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากภาคเอกชน
แต่ในความเป็นจริงแล้วในหลักปฏิบัติการรักษาของแพทย์รัฐ ยังถูกควบคุมโดยมาตรฐานการรักษาต่างๆที่ถูกกำหนดไว้เพื่อป้องกันการใช้จ่ายงบประมาณที่เกินความจำเป็น ซึ่งมีหลายเรื่องที่ถูกมองว่าเป็น Over Investigation การรักษาเกินความจำเป็น เช่น ผลการตรวจสอบก่อนจ่ายชดเชยกรณีทำหัตถาส่วนหัวใจ Coronary Artery Angiography CAG โดยเฉพาะการฉีดสีในการตรวจสภาวะกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ รวมถึงการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและการใส่ขดลวด Percutaneous Coronary Intervention PCI ที่ไม่ผ่านเงื่อนไข
“ที่ผ่านมาเมื่อแพทย์ผู้รักษาอุทธรณ์ถึงความจำเป็นในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งมีเงื่อนไขสภาวะอาการที่แตกต่างกันไป ป้องกันการนำไปสู่สภาวะวิกฤตถึงขั้นเสียชีวิตได้ แพทย์ก็จำเป็นที่ต้องรักษาต่างจากมาตราฐานการรักษาที่กำหนด ด้วยเหตุดังกล่าวทาง สปสช. มักจะเคารพการตัดสินใจในการรักษาของแพทย์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยรักษาชีวิตของผู้ป่วยเป็นหลัก และไม่เคยจะกล่าวโทษแพทย์รัฐผู้รักษาโดยใช้มาตรฐานการรักษาเกินความจำเป็นเลย“ นายจิรพงษ์ กล่าว
นายจิรพงษ์ เปิดเผยอีกว่า ในกรณีการรักษาของแพทย์ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงสาธารณสุขต่อนักโทษเด็ดขาด มีนับหลายหมื่นเคสที่แพทย์รัฐอนุญาตให้นักโทษพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลายาวนาน ยกตัวอย่างเช่นโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี ได้รับตัวผู้ป่วยเป็นนักโทษเด็ดขาดที่ถูกส่งตัวมาจากเรือนจำกลางบางขวาง เข้ารับการรักษา การผ่าตัด เช่น โรคไส้เลื่อน โรคไส้ติ่งอักเสบ โรคทางตา โดยการรับส่งตัวก็เป็นการปฏิบัติราชการปกติระหว่างกระทรวงฯกับของทางเรือนจำกลางบางขวาง
ซึ่งเหมือนและไม่แตกต่างกับกรณีของนายทักษิน หลังการผ่าตัดแพทย์ผู้รักษาก็จะอนุญาตให้นักโทษป่วยเหล่านั้นได้ทำการพักฟื้นในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง มิได้ส่งต่อไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือส่งกลับเรือนจำในทันที เพราะอาจสุ่มเสี่ยงในการที่จะติดเชื้อจากสถานที่กักขังจนเมื่อนักโทษมีอาการที่แข็งแรงดีแล้วถึงส่งตัวกลับเรือนจำ มากกว่านั้นยังมีอีกหลายกรณีที่แพทย์รัฐรักษานักโทษเด็ดขาดนับปีไม่ต้องเข้าขั้นถึงขั้นวิกฤต
โดยเฉพาะนักโทษที่มีอาการทางจิต สาเหตุอาจมาจากผลของการติดยาเสพติด หรือความเครียดขณะถูกจองจำ ซึ่งเกิดเหตุนักโทษเด็ดขาดฆ่าตัวตาย รวมถึงคุ้มคลั่งทำร้ายผู้อื่นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน การส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลในสังกัดกรมสุขภาพจิตเช่น โรงพยาบาลศรีธัญญา สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ แพทย์ผู้รักษาไม่สามารถบ่งบอกได้อย่างแน่ชัดว่าหายจากอาการทางจิตเมื่อไร บางเคสต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลรับประทานยาอย่างต่อเนื่องมิให้เกิดอาการขาดยา ซึ่งต้องเคารพการตัดสินใจของแพทย์ผู้รักษาว่าจะใช้ระยะเวลารักษาเท่าไหร่ มิอาจมีมาตรฐานใดมากำหนดได้ ซึ่งเป็นที่มาของโครงการราชทัณฑ์ปันสุขที่ นายสมศักดิ์ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาก่อน
“ดังนั้นกรณีแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ทั้ง 3 ราย โดยถูกสั่งลงโทษว่ากล่าวตักเตือน รวมถึงการสั่งลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ โดยแพทย์ทั้ง 3 รายเป็นบุคลากรหรือข้าราชการของรัฐ ซึ่งเป็นการลงโทษที่รุนแรง หากการลงโทษในครั้งนี้เกิดเป็นบรรทัดฐานใหม่ ก็จะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติราชการในการวินิจฉัยการรักษาของแพทย์รัฐคนอื่นๆ เปิดช่องให้มีผู้ร้องเรียนได้ง่าย โดยเฉพาะแพทย์จบใหม่ที่จะต้องมาใช้ทุนโดยการปฏิบัติงานในภาครัฐ จะถูกจำกัดการรักษาโดยมาตรฐานจริยธรรมเพิ่มเติมกับที่มีการกำหนดมาตรฐานต่างๆไว้แล้ว ก็จะทำให้การยกระดับสาธารณสุขประเทศไทยทำได้ยากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาชนและนักโทษในภาพรวม จึงเป็นสาเหตุที่นายสมศักดิ์ เป็นห่วงเรื่อง ลูกหลานของคนไทยที่จะเป็นแพทย์“ นายจิรพงษ์ กล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา