
'สมศักดิ์' ปาฐกถา 'อนาคตระบบสาธารณสุขไทย' ดันขับเคลื่อนควบคู่เศรษฐกิจ ขอแพทยสภาหนุนสุขภาพ-ความงาม จับมือสร้างรายได้เข้าประเทศ พร้อมแก้กฎหมายเปิดทาง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปาฐกถา “อนาคตระบบสาธารณสุขไทย” โดยมี พล.อ.อ.นพ.อิทธพร คณะเจริญเลขาธิการแพทยสภา และผู้อำนวยการสถาบันมหิตลาธิเบศร ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ (ปธพ.) รุ่นที่ 11 และหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำทางการแพทย์ (ปนพ.) รุ่นที่ 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายสมศักดิ์ กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุ เป็นความท้าทายที่สำคัญในปัจจุบัน องค์การสหประชาชาติคาดว่า จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 2 พันล้านคน ในปี พ.ศ. 2593 ทำให้สัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ 22 ของประชากรโลก สำหรับประเทศไทย ได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แล้วในปี พ.ศ. 2567 โดยมีผู้สูงอายุประมาณ 14 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20.7 ของประชากร และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 28 ในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านผู้สูงอายุนั้น มีจุดมุ่งหมายให้คนไทย “อายุยืนยาว มีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในช่วงทุพพลภาพสั้นที่สุด และจากไปอย่างสมศักดิ์ศรี” ผ่านกลไกต่างๆ
การดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบัน ได้รับการยกระดับให้เข้าถึงง่าย ใกล้บ้าน และครอบคลุม ผ่านนโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่” ของรัฐบาล ที่ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว พร้อมนวัตกรรมระบบการแพทย์ทางไกล นวัตกรรมตู้ห่วงใย หรือการรับยาใกล้บ้าน ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และลดระยะเวลารอคอยการรักษาพยาบาลได้ ร่วมกับระบบการดูแลผู้สูงอายุแบบไร้รอยต่อ เราจะเน้นการส่งเสริมป้องกันโรค โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCD เรารณรงค์ให้คนไทย กินเป็นไม่ป่วย สวยหล่ออายุยืน
@ดันไทยเป็น Medical and Wellness Hub
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจึง ได้กำหนดยุทธศาสตร์ 7 นโยบายหลักสำหรับปี 2568 พร้อมดำเนินงานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริ และโครงการเฉลิมพระเกียรติ ดังนี้ 1. ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว 2.บริการสุขภาพจิตและบำบัดยาเสพติด ต้องเข้าถึงได้มากขึ้น 3.ทำให้คนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และภัยสุขภาพ 4. สร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน 5.จัดระบบบริการสุขภาพเพื่อกลุ่มเปราะบางและพื้นที่พิเศษ 6.พัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจสุขภาพ มุ่งสู่การเป็น Medical & Wellness Hub และ 7.ต้องบริหารจัดการทรัพยากรสาธารณสุขให้เหมาะสม
“ผมมองว่าอนาคตของระบบสาธารณสุขไทยนั้น จะขับเคลื่อนไปได้พร้อมกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงมีนโยบายพัฒนา Medical and Wellness Hub ขึ้น ซึ่งประมาณการมูลค่าของ Medical and Wellness Hub นี้ในช่วง 4 เดือน ระหว่างเดือนก.พ. - พ.ค. ที่ผ่านมา จะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจทางตรงกว่า 1.18 แสนล้านบาท และถ้านับรวมทั้งมูลค่าทางตรงและทางอ้อม จะมีมูลค่ารวมถึง 3.72 แสนล้านบาท สิ่งที่สำคัญ คือ เราจะยกระดับภูมิปัญญาไทยที่เป็น Soft Power หรือการนวดไทย ซึ่งเราได้เปิดวิทยาลัยการนวดไทยแห่งประเทศไทยไปแล้ว และจะมีการอบรมสร้างหมอนวดไทยกลุ่มอาชีพรายใหม่เพิ่มกว่า 50,000 คน และเพิ่มหมอนวดไทยเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รักษา 7 โรค อีก 20,000 คน ซึ่งจากที่ส่งไปร่วมงาน เอ็กโป โอซาก้า ได้รับความสนใจมาก แต่ละประเทศอยาได้หมอไทย” นายสมศักดิ์กล่าว
@ยกระดับสมุนไพรไทย-ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับด้านการยกระดับสมุนไพรไทย ภายใต้แนวคิด 'เจ็บป่วยคราใด คิดถึงยาไทยก่อนไปหาหมอ เราสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในช่วง 4 เดือนได้ถึง 48,604 ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายยาสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพไปแล้วกว่า 544.4 ล้านบาท หรือ 57% ของเป้าหมาย และผลักดันให้ใช้ยาไทย
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยังมุ่งให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ จะช่วยลดการนำเข้า ได้กว่า 523 ล้านบาท และสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้ถึง 11,037 ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์มูลค่าสูง ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งครอบคลุมการรักษา 5 ด้าน ได้แก่ โรคข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูกทับเส้น การชะลอวัย ความเสื่อมของผิวหนัง และมะเร็งลำไส้ใหญ่ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ 27,677 ล้านบาท และยังเติบโตได้อีกปีละ 6.65% และสุดท้าย การดูแลสุขภาพและความงาม ซึ่งรวมถึงเวชศาสตร์ความงาม เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ และการผ่าตัดยืนยันเพศสภาพ สามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 16,998 ล้านบาท
“เรื่องนี้ต้องอาศัยแพทย์สภาด้วย กระทรวงสาธารณสุขกับแพทยสภาต้องจับมือกัน เพื่อเพิ่มมูลค่า เราจับมือกันทำงาน กฎอะไรที่ปิด แก้ให้หมด เพื่อให้ประเทศมีเศรษฐกิจทางการแพทย์ ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้น อยู่ ตนผมอยู่กระทรวงยุติธรรมทำกฎหมาย 9 ฉบับ และผมเป็นรัฐมนตรีมาหลายสมัยแต่ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะทำงานให้เกิดประโยชน์ทุกฝ่าย”นายสมศักดิ์กล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา