
'พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว' จ่อเรียกพระเลขา-ไวยาวัจกรวัดม่วง เข้าให้ปากคำคดีเงินเจ้าอาวาสหาย 10 ล.-ยอมรับมีเรื่องร้องเรียนซื้อขายตำแหน่งพระ อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ-ตั้งแต่เปิดศูนย์ฯมีเรื่องร้องเรียนกว่า 200 เรื่อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีวัดม่วงหลังเกิดเหตุเงินเจ้าอาวาสหายว่า คดีนี้แยกออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนของพื้นที่สน.เพชรเกษม จะตรวจสอบเรื่องให้การเท็จ ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้อง 2 รายเป็นทั้งพระสงฆ์และฆราวาส ส่วนจะดำเนินการต่อไปอย่างไรทางตำรวจพื้นที่จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป ส่วนการดำเนินการของบก.ปปป. จะรับผิดชอบในเรื่องตรวจสอบบัญชีของวัด โดยพบว่าเจ้าอาวาสบริหารเงินโดยรวมอำนาจเงินเข้าไปที่เจ้าอาวาสทั้งหมด มีการทำรายจ่ายประจำปี โดยมีพระเลขาเป็นผู้รวบรวม ขณะนี้พระเลขากำลังเรียนอยู่ ตำรวจอยู่ระหว่างติดต่อให้เร่งเข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่ามีการร่วมทุจริตด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ตำรวจอยากได้ความร่วมมือเพราะจะเอาผิดเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นจะสอบไว้เป็นพยาน
“จากการตรวจสอบบัญชีของวัดจาก 9 บัญชี ตำรวจได้มาแล้ว 8 บัญชี ยังเหลืออีก 1 บัญชี เป็นเงินบริจาคของวัดที่ยังไม่ได้รับมาตรวจสอบ และพบว่ามีบัญชีของเจ้าวาสอีกจำนวน 2 บัญชี วัดแห่งนี้มีไวยาวัจกร จำนวน 2 คน โดยคนแรกได้ทำการสอบปากคำไว้แล้ว อีกคนอ้างว่าอยู่ต่างจังหวัดตลอดเวลา” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่างถึงการดำเนินการของศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนาว่า นับตั้งแต่เปิดศูนย์ขึ้นมา มีการแจ้งเรื่องร้องเรียนเข้ามาตลอด รวมกว่า 200 เรื่อง ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้รับไว้ดำเนินการตรวจสอบจำนวน 30 เรื่อง ส่วนอีก 100 กว่าเรื่องได้ส่งให้ตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจนครบาลไปตรวจสอบต่อ โดยในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลมีเรื่องร้องเรียนมากที่สุด ส่วนพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 มีเรื่องร้องเรียนน้อยสุด 1-3 เรื่อง พร้อมยอมรับว่า เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินและผู้หญิง หรือแม้กระทั่งสามีไปพบว่าโทรศัพท์ของภรรยามีการพูดคุยกับพระสงฆ์ บางเรื่องมีพยานหลักฐานที่สามารถสืบสวนสอบสวนไปต่อได้ บางเรื่องยังไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนจะต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบต่อ ยืนยันหากมีพยานหลักฐานชัดเจนจะดำเนินการ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยอมรับอีกว่า มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งเข้ามาผ่านศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนาจริง ส่วนประเด็นการซื้อรถหรูให้นั้นยังไม่มีข้อมูล
“ในส่วนการซื้อขายตำแหน่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินให้วัดแต่ละวัดครั้งละหลักแสนซึ่งมีการอ้างว่าเป็นเงินทำบุญ หรือเงินบริจาค จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยหรือผิดสังเกตที่มีการทำบุญกันตลอด โดยเฉพาะกรณีของทิดแย้มเงินที่ได้จากวัดมีมากมายมหาศาล จึงไม่จำเป็นจะต้องไปขอจากวัดอื่น และเหตุใดจึงต้องไปขอเงินจากวัดอื่น โดยพบว่ามีเส้นทางการเงินเข้ามาในบัญชีของทิดแย้มครั้งละ 1-5 แสนบาทที่เป็นบัญชีระหว่างวัดโอนมาให้กัน ซึ่งจะต้องตรวจสอบวัดต่างๆ มีการเลื่อนยศตำแหน่งจริงหรือไม่” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา