
กรมสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค ภาค 6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมตรวจสอบของกลาง สารเคมี ที่เป็นวัตถุอันตราย กว่า 805 ตัน มูลค่ากว่า 67 ล้านบาท ที่ถูกยึดก่อนส่งประเทศเพื่อนบ้าน เร่งสอบสวนขยายผล เกรงนำไปดัดแปลงเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 20 สิงหาคม 2568 ที่ โกดังเก็บสินค้าในตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วย นายวรรณชัย พรหมรักษ์ รองผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 1/2568 นายบารมี จันทรพิสัย ผู้อำนวยการส่วนคดีคุ้มครองผู้บริโภค 2 นายศิริชัย บัวเผือก หัวหน้าสำนักงานผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 1/2568 ได้ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย นายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ภาค 6 นายวิสุทธิ์ ชุมคง เจ้าพนักงานตรวจโรงงานชำนาญงาน ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายเฉลิมศักดิ์ ภิรมย์ทอง สรรพสามิตพื้นที่ตาก สาขาแม่สอด ร้อยตำรวจโทณัฐพัชร์ จันทร์ศรี รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ. แม่สอด ร้อยตำรวจตรี ณัฐภัทร ฟูสามป๊อก ผู้บังคับหมวดตระเวนชายแดนที่ 3461 นายสุรัตน์ชัย ใจดี รองนายกฯอบต.แม่กาษา นายสมเกียรติ ทิยอด กำนันตำบลแม่กาษา และผู้ปกครองท้องที่
ร่วมกันตรวจสอบถังบรรจุสารเคมี จำนวน 8 รายการ เช่น ทูโลอีน เบนซิน อะซิโตน โซเดียมไฮดรอกไซด์ คำนวณเป็นปริมาณ 805 ตัน มูลค่ารวมประมาณ 67 ล้านบาท ที่สำนักงาน ปปส.ภาค 6 มีการอายัดไว้ ณ สถานที่ดังกล่าว พบว่าสิ่งของยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในจำนวนดังกล่าวมีวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จำนวน 333 ตัน โดยผู้แทนสำนักงาน ปปส. ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจอายัดได้ส่งมอบสิ่งของดังกล่าวให้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับไว้เป็นของกลางในคดี และพนักงานสอบสวนพิเศษได้ส่งมอบของกลางดังกล่าวให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายดังกล่าวที่จะต้องมีการส่งมอบสิ่งของไปเก็บรักษาไว้โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อไป โดยมีผู้แทนกรมสรรพสามิตและผู้ปกครองท้องที่ ร่วมเป็นพยานในการรับมอบและส่งมอบ

คดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ร่วมกับสำนักงาน ปปส. ตรวจยึดเคมีภัณฑ์ซึ่งเป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 1 และ 3 รวม 8 รายการ ดังกล่าวได้จากโกดังแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการตรวจสอบย้อนกลับพบว่า วัตถุดังกล่าวมีบริษัทแห่งหนึ่งได้ขออนุญาตนำเข้าและแจ้งสถานที่เก็บรักษาไว้ที่จังหวัดปทุมธานี ประกอบกับสารเคมีดังกล่าวบางชนิด เมื่อนำไปผสมกับสารเคมีอื่น สามารถนำไปดัดแปลงเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดได้ สำนักงาน ปปส. จึงได้อายัดไปตามกฎหมาย และเนื่องจากสารเคมีที่เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 มีปริมาณตั้งต้นเกินกว่า 50 ตัน จึงเป็นกรณีที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษและได้รับคดีดังกล่าวไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อขยายผลต่อไป
“วันนี้เป็นการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรวจสอบความมีอยู่ของวัตถุพยานของกลาง เพื่อนำเข้าสู่การสอบสวน และส่งมอบให้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล และของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งพันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้กำชับให้มีการสอบสวนขยายผลไปยังต้นตอผู้นำเข้าโดยให้ประสานงานกับสำนักงาน ปปส. โดยใกล้ชิด และอาจขยายผลต่อไปในเรื่องของทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป” พันตำรวจตรี วรณันกล่าว


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา