
กสม.ยังไม่พบว่ากรมชลฯ-สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ทำอะไรละเมิดสิทธิ์ หลังมีคนร้องกรณีสิทธิชุมชนอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิในน้ำจากโครงการขุดลอกคลองใน จ.พัทลุง แต่แนะให้ชะลอโครงการ โดยควรทบทวนและประเมินผลกระทบให้รอบด้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 7 พ.ย. 2568 นายจุมพล ขุนอ่อน รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องสิทธิชุมชนอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิในน้ำจากผู้ร้อง5 รายรวม 4 คำร้อง ระหว่างเดือนมีนาคม - เมษายน 2567 ระบุว่า โครงการขุดลอกลำน้ำในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ของกรมชลประทาน (ผู้ถูกร้องที่ 1) ได้แก่ โครงการขุดลอกคลองและสร้างผนังคอนกรีตคลองลายพัน อำเภอกงหรา ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร โครงการขุดลอกคลองส้านแดง อำเภอตะโหมด ระยะทาง 21 กิโลเมตร และแผนการดำเนินโครงการขุดลอกคลองทรายขาวเพิ่มเติม ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนและอาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนและสิ่งแวดล้อม จึงขอให้ตรวจสอบ
นายจุมพลกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนแล้วเห็นว่า กรณีโครงการขุดลอกคลองและสร้างผนังคอนกรีตคลองลายพันซึ่งเป็นลำน้ำส่วนหนึ่งของคลองทรายขาว กรมชลประทานได้ขุดลอกขยายขนาดคลอง สร้างดาดคอนกรีต และถนนเลียบคลอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันอุทกภัย ดินริมตลิ่งพังทลาย และเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำหรับเกษตรกรรม แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ต่อมาประมาณเดือนพฤศจิกายน 2567 ประชาชนในพื้นที่พบว่า โครงการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศลำน้ำ ปริมาณน้ำ กระแสน้ำ สัตว์น้ำและพืชน้ำที่มีอยู่เดิมตามธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพ รวมทั้งเกิดปัญหาสิ่งก่อสร้างชำรุดเสียหาย ดินริมตลิ่งพังทลาย และไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ แม้กรมชลประทานแจ้งว่าอยู่ระหว่างแก้ไขปัญหา แต่ก็เป็นไปอย่างล่าช้า โครงการดังกล่าวจึงกระทบต่อสิทธิชุมชนและสิทธิเกี่ยวกับน้ำตามที่ได้รับการบัญญัติรับรองและคุ้มครองในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 และพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง จึงมีการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
@ขาดการให้ข้อมูลที่แท้จริง-จำกัดกลุ่มรับฟังความเห็น
สำหรับการดำเนินโครงการขุดลอกคลองส้านแดง ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบปรากฏว่า กรมชลประทานมีแผนดำเนินการขุดคลองส้านแดงเพื่อเป็นคลองระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้างที่มีปัญหาน้ำเน่าเสีย และเพื่อป้องกันอุทกภัย ดินริมตลิ่งพังทลาย รวมทั้งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำหรับเกษตรกรรม โดยเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 กรมชลประทานอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมของโครงการและที่ผ่านมาในขั้นตอนประชาสัมพันธ์โครงการได้จัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน 6 ครั้ง แต่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดของโครงการอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลผลกระทบด้านลบที่ประชาชนและชุมชนจะได้รับ และมุ่งเน้นผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นประชาชนในพื้นที่โครงการเท่านั้น อีกทั้งได้ประสานงานให้นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชนเป็นผู้ชี้แจงทำความเข้าใจและรับฟังความเห็นของประชาชนแทน ทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยและห่วงกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพ คุณภาพ และความชัดเจนของข้อมูล อันสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ส่วนแผนงานโครงการขุดลอกคลองทรายขาวส่วนอื่นเพิ่มเติม ซึ่งผู้ร้องห่วงกังวลว่า โครงการดังกล่าวจะส่งผลเสียหายต่อวิถีชีวิตของชุมชนและสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง จนไม่อาจแก้ไขเยียวยาได้ นั้น กรมชลประทานแจ้งว่า ไม่มีแผนงานโครงการขุดลอกคลองดังกล่าว จึงยังไม่มีประเด็นที่ กสม. ต้องพิจารณา
@สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ยังไม่ทำอะไรละเมิดสิทธิ์
ต่อมาผู้ร้องยังมีประเด็นขอให้ตรวจสอบว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (ผู้ถูกร้องที่ 2) ได้มีข้อเสนอแนะนโยบายหรือปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรน้ำโดยส่งผลเสียหายต่อสิทธิเกี่ยวกับน้ำของประชาชน กรณีตามคำร้องนี้หรือไม่ จากการตรวจสอบปรากฏว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติซึ่งมีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายในการเสนอแนะนโยบาย จัดทำแผนยุทธศาสตร์ แผนแม่บท และมาตรการเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศตามกฎหมาย หากหน่วยงานของรัฐใดมีแผนงานโครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ จะต้องเสนอของบประมาณและแผนงานโครงการต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำและคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่อพิจารณา โดยมีสำนักงานทรัพยากรน้ำฯ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการทั้งสอง
ทั้งนี้ โครงการขุดลอกคลองลายพัน เป็นโครงการที่กรมชลประทานได้เสนอขอรับงบประมาณและแผนงานโครงการก่อนการจัดตั้ง กนช. และคณะกรรมการลุ่มน้ำ (ทะเลสาบสงขลา) โครงการดังกล่าวจึงไม่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการทั้งสอง ส่วนแผนงานโครงการขุดลอกคลองส้านแดงนั้น กรมชลประทานอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมของโครงการ จึงยังไม่ได้ยื่นคำขอต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำฯ เพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณา ในชั้นนี้ จึงยังไม่อาจรับฟังได้ว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มีการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
@ให้ชะลอโครงการขุดลอกคลองลายพันไปก่อน
ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานผู้ถูกร้องทั้งสอง กนช. และจังหวัดพัทลุง สรุปได้ดังนี้
(1) มาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้กรมชลประทาน สำรวจและศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโครงการขุดลอกคลองลายพัน รวมทั้งแก้ไขปัญหาสิ่งก่อสร้างชำรุดเสียหาย ดินริมตลิ่งพังทลาย และเยียวยาผลกระทบจากโครงการขุดลอกคลองลายพัน โดยการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ประชาชน ชุมชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ
(2) มาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้กรมชลประทาน ชะลอโครงการขุดลอกคลองส้านแดง สำรวจ ศึกษา และเปรียบเทียบกับโครงการขุดลอกคลองลายพัน เพื่อทบทวนปรับปรุงโครงการและประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านวิถีชีวิตของชุมชนและสิ่งแวดล้อม สำรวจและศึกษาปัญหาน้ำเน่าเสียในอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง รวมทั้งแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยพิจารณามาตรการที่มีประสิทธิภาพและจะเกิดผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด รวมทั้งจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยให้เข้าถึงและรับรู้ข้อมูลที่ชัดเจนรอบด้าน และให้นำผลการสำรวจฯ โครงการขุดลอกคลองลายพันชี้แจงให้ประชาชนทราบ พร้อมทั้งชี้แจงข้อมูลและสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน กรณีไม่มีแผนงานโครงการขุดลอกคลองทรายขาวส่วนอื่นเพิ่มเติม
ให้ กนช. พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดพัทลุงและคณะทำงานโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และให้คณะทำงานดังกล่าวพิจารณาทบทวนปรับปรุงโครงการ ศึกษา เปรียบเทียบ และประเมินผลกระทบโครงการขุดลอกลำน้ำพื้นที่จังหวัดพัทลุงทั้งหมดอย่างรอบด้าน
ให้จังหวัดพัทลุง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำผังน้ำภาพรวมระดับจังหวัด ธรรมนูญทรัพยากรน้ำระดับจังหวัด รวมทั้งแผนบริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด โดยคำนึงถึงสิทธิชุมชน การมีส่วนร่วมของประชาชน และแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค
และให้กรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะผู้ถูกร้องจัดทำแผนฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบจากโครงการบริหารจัดการน้ำพื้นที่จังหวัดพัทลุง โดยการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานของรัฐ ประชาชน ชุมชนภาคประชาสังคม และภาควิชาการ

จุมพล ขุนอ่อน รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา