
ป.ป.ช.ชี้มูลอดีตรองนายก อบต.ท่าซุง ร่ำรวยผิดปกติ หลังมีเงินฝากช่วงดำรงตำแหน่งโอนเข้าบัญชีภรรยา 1.3 ล้าน ช่วงปี 58 แต่แจงที่มาไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 19 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดนาย นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.แถลงข่าวกรณี ป.ป.ช.มติชี้มูลความผิด นายวิเชียร แสงนุภาพ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ร่ำรวยผิดปกติ รวมเป็นเงินจำนวน 1,300,000 บาท
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายวิเชียร ในระหว่างดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าซุง เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2556 - 30 มิถุนายน 2558 มีการฝากเงินเข้าบัญชีของคู่สมรส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)สาขาถนนรังสิต - นครนายก (คลอง 2) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2558 จำนวน 1,300,000 บาท ซึ่งไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของเงินได้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
นายวิเชียร แสงนุภาพ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ จำนวน 1,300,000 บาท
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้มีอำนาจสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง เพื่อสั่งให้พ้นจากตำแหน่งภายในหกสิบวัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่งและวรรคห้า
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ
ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหา
ได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 125

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา