
'ซาบีดา ไทยเศรษฐ์' รมว.วัฒนธรรม เปิดงาน 'ชาวเลมั่นยืนด้วยกฎหมายชาติพันธุ์' มอบนโยบายท้องถิ่นต้องร่วมมือชุมชนพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามเจตนารมณ์กฎหมายชาติพันธุ์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) วันที่ 21 พ.ย. 2568 เวลา 14.00 น. นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางไปเยี่ยมชุมชนชาวอูรักลาโว้ยแหลมตุ๊กแก ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดงานและมอบนโยบายในงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเล ครั้งที่ 15 “ชาวเลมั่นยืนด้วยกฎหมายชาติพันธุ์”
นางสาวซาบีดา กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยี่ยมเยียนพบปะพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลที่มารวมกัน เพื่อร่วมกันจัดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 15 “ชาวเลมั่นยืน ด้วยกฎหมายชาติพันธุ์” ณ ชุมชนชาวเล บ้านแหลมตุ๊กแก ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอัตลักษณ์ และวิถีวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่น เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาประเทศด้วยการใช้ทุนทางวัฒนธรรม รวมทั้งยังเป็นพลังสำคัญช่วยปกป้อง ดูแลทรัพยากรของประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืนตามวิถีวัฒนธรรม ภูมิปัญญา การจัดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลในววันนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นศักยภาพ ความเข้มแข็งของพี่น้องชาวเลที่มีทุนทางสังคม สามารถมารวมตัวกันในลักษณะของเครือญาติที่ได้มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความทุกข์ ความสุข และสร้างความสัมพันธ์กับเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และเครือข่ายภาคประชาสังคมที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุขไปพร้อมกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลเป็นประจำทุกปี
นางสาวซาบีดา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มทั่วประเทศ ในโอกาสเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมาได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นกฎหมายที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับหน่วยงานองค์กร ภาคีทั้งภาครัฐ ภาคประชาชนร่วมกันผลักดัน ซึ่งมีเจตนารมย์ในการคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรมของชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ มุ่งสร้างความเข้าใจในวิถีชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย สร้างพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม และส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของกลุ่มชาติพันธุ์ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
นางสาวซาบีดา กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีหัวใจหลักในการดำเนินงานทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ แบ่งเป็น 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่ คณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ระดับประเทศ ซึ่งมีนายกหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีสภาคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นกลไกการมีส่วนร่วมของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศ ที่จะเข้ามาร่วมนำเสนอข้อมูล สถานการณ์ปัญหา ความต้องการและแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และยังมีกลไกด้านวิชาการในการจัดทำข้อมูลวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการดำเนินงานทั้งในระดับพื้นที่และนโยบาย และหัวใจสำคัญอีกประการคือ พื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นกลไกในระดับพื้นที่ที่มุ่งให้เกิดการพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ บนฐานการเคารพสิทธิชุมชนและสิทธิทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งจะต้องมีการสำรวจ จัดทำข้อมูลและแผนบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกันระหว่างชุมชนกับหน่วยงานในระดับพื้นที่
“ขอขอบคุณพี่น้องเครือข่ายชาวเลทั้ง 5 จังหวัดที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ขอบคุณส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานวันรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเล ที่มีการสะท้อนปัญหาไปแล้วเบื้องต้น โดยได้หารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา และจะร่วมกันขับเคลื่อนพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ไปสู่เป้าหมายที่เราคาดหวังร่วมกัน ในนามรัฐบาล พร้อมให้การสนับสนุนพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มอย่างเสมอภาค โดยใช้ทุนวัฒนธรรมเป็นพลังขับเคลื่อนให้ทุกกลุ่มวัฒนธรรมอยู่ร่วมกันอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคมที่เป็นธรรม” นางสาวซาบีดา กล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา