
วัชรินทร์-อธิบดีอัยการสอบสวน ลงพื้นที่ประชุม ผบช.ภ.3 สอบ 'เสธ.ทหาร' เป็นพยานมัดตัวคดี 2 พ่อลูกตระกูลฮุนฯ สั่งยิงระเบิดคนไทยล้มตายรอบเเรก
กรณีเมื่อช่วงวันที่ 24 - 29 ก.ค. 2568 เกิดเหตุทหารกัมพูชายิงทั้งปืนและระเบิดตกมายังพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนในไทย เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิต 32 ราย และบาดเจ็บ 238 ราย ทรัพย์สินเสียหายเกือบร้อยล้านบาท
ในส่วนคดีอาญานายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุดได้พิจารณามีคำสั่งรับคดีที่ผู้บัญชาการตำรวจ ภูธรภาค 3 ที่ได้ยื่นขอให้ดำเนินคดีกับนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภา แห่งกัมพูชา และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่สั่งการยิงระเบิดจนเป็นเหตุให้คนไทยบาดเจ็บล้มตายไว้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้วและมีคำสั่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นพนักงานสอบสวนและให้อัยการจากสำนักงานการสอบสวนไปร่วมสอบสวนคดี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.68 ที่ห้องประชุม 3 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จังหวัดนครราชสีมา นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน นายปรัชญา ทัพทอง รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน พร้อมคณะพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวนกว่า 20 รายได้เดินทางไปประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และคณะทำงานฝ่ายตำรวจซึ่งประกอบไปด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัดที่เกี่ยวข้องในภาค 3 ร่วมประชุมหารือแนวทางการสอบสวนพยานเพื่อดำเนินคดีผู้กระทำผิด

โดยที่ประชุมได้มอบหมายหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีความผิดนอกราชอาณาจักร ซึ่งอัยการสูงสุด พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิดตามป.วิอาญา มาตรา 20 จึงมอบหมายให้ พนักงานสอบสวนคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่สงบตามแนวชายแดนระหว่างไทย - กัมพูชาทำการสอบสวน และให้พนักงานอัยการในสำนักงานการสอบสวน หรือสำนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ ,นางรอง ,สุรินทร์ ,ศรีสะเกษ,กันทรลักษณ์ หรือ,อุบลราชธานี,สุชอุดม ทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวน โดยให้ ผบช.ภ.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ รวมถึงยังได้แจ้งคำสั่งสำนักงานการสอบสวน เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานร่วมทำการสอบสวนในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 135 สำนวน
หลังจากนั้น นายวัชรินทร์ ได้ให้คำแนะนำ กำหนดประเด็นและแนวทางการสอบสวน เเละให้สอบสวนพยานบุคคลและรวบรวมพยานเอกสารพยานวัตถุเพื่อให้สำนวนมีความรัดกุมรอบคอบเเละให้เริ่มสอบสวนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยอัยการที่ร่วมสอบสวนที่ร่วมประชุมก็ทำการนัดหมายการสอบสวนกับคณะพนักงานสอบสวนต่อไป เเละเมื่อสอบสวนพยานเพิ่มจนครบตามที่แนะนำแล้วก็จะค่อยกำหนดวันนัดประชุมครั้งต่อไป
ทั้งนี้ นายวัชรินทร์ระบุว่ายังมีพยานที่ต้องเรียกสอบอีก เช่น ฝ่ายเสนาธิการทหาร หรือ ทหารที่คุมกองกำลังที่รู้เรื่อง การโจมตีของกัมพูชา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้เรื่องการโจมตี รวมถึงผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายที่ยังสอบไม่ครบก็ให้ไปสอบมาให้ครบ โดยการสอบสวนทุกครั้งจะมีอัยการไปร่วมสอบทุกปาก โดยการสอบสวนร่วมกันอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งจะกำหนดประเด็นและรายละเอียดการสอบสวนพยานหลักฐานทั้งพยานเอกสารพยานวัตถุและพยานบุคคลเพื่อให้สำนวนการสอบสวนสมบูรณ์ที่สุดต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา