"....ผลการตรวจสอบกรณีนี้ของ สตง. แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ กรณีการก่อสร้างหน้าต่างบานกระทุ้ง ชั้น 3 เกินกว่าแบบรูปรายการ จำนวน 9 บาน และ กรณีความชำรุดบกพร่องจากน้ำฝนรั่วซึมเข้าอาคารทั้ง 4 ทิศ ซึ่งมีข้อมูลใหม่ปรากฏว่า เอกชนผู้รับจ้างงานมีการนำงานบางส่วนไปจ้างช่วงอีกต่อหนึ่ง แต่ผู้รับจ้างช่วงไม่มีมาตรฐานฝีมือ จึงทำให้งานเกิดปัญหา..."
กรณีงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 1 วงเงินกว่า 393.1 ล้านบาท ของสำนักงานศาลยุติธรรม เกิดปัญหางานจ้างชำรุดบกพร่องกว่า 600 รายการ หลังตรวจรับงานได้ไม่นานนัก ส่งผลทำให้ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องทำหนังสือถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งให้เข้ามาทำการตรวจสอบกระบวนการตรวจจ้างและรับมอบงานพร้อมหาตัวผู้รับผิดชอบโดยด่วน โดยมีการตั้งข้อสังเกตพฤติการณ์ดังกล่าวว่าอาจมีกระบวนการเร่งส่งมอบงานและตรวจรับงานก่อสร้างทั้งหมดให้เสร็จสิ้นไปก่อน แล้วมาดำเนินการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดบกพร่องกันภายหลัง
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลเชิงลึกมาเสนอไปแล้วว่า
หนึ่ง.
ประธานศาลฎีกา ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสดับตรับฟังข้อเท็จจริงแล้ว หลังจากสำนักงานศาลยุติธรรมได้รับหนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งผลการตรวจสอบการตรวจรับงานจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตามสัญญาเลขที่ 58/2559 ลงวันที่ 28 เม.ย.2559 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีการเสนอเรื่องให้ประธานศาลฎีกาพิจารณา
ปัจจุบันคณะกรรมการอยู่ระหว่างดำเนินการสดับตรับฟังข้อเท็จจริงอยู่ยังไม่แล้วเสร็จ
สอง.
ผลการตรวจสอบของ สตง. ที่แจ้งถึง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุข้อมูล 3 ประเด็นหลัก คือ
(1.) การตรวจรับงานจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 1 ผลการตรวจสอบพบว่า มีข้อบกพร่องเนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฏหมายระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือแบบแผนการปฏิบัติราชการ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานศาลยุติธรรม แต่พฤติการณ์ที่ปรากฏยังไม่พอรับฟังว่ามีลักษณะเป็นการทุจริต
(2.) มีการแจ้งให้ดำเนินการทางวินัยแก่คณะกรรมการตรวจการจ้าง จำนวน 7 ราย ซึ่งมีชื่อผู้พิพากษาระดับสูงรวมอยู่ด้วย
(3.) กรณีดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานศาลยุติธรรม เป็นเงินจำนวน 6,903,079.05 บาท
สตง. จึงขอให้มีการดำเนินการเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายแก่สำนักงาน ศาลยุติธรรม เป็นเงิน จำนวน 6,903,079.05 บาท ด้วย
สตง. ยังย้ำว่า เพื่อเป็นการรักษาการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด ขอให้ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เร่งดำเนินการภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการตรวจสอบ ด้วย โดยให้แจ้งการดำเนินการดังกล่าวไปให้ สตง.รับทราบทันที เมื่อเริ่มต้นดำเนินการ และต้องดำเนินกระบวนการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 240 วัน
- ชำรุดเพียบ 600 รายการ! ปธ.ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แจ้ง สตง.สอบงานก่อสร้างอาคารที่ทำการ 393 ล. (1)
- มีร้องเรียนจริง! สตง.ลุยตรวจงานสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชำรุด 600 รายการแล้ว (2)
- ซ่อมตั้งแต่เปิดใช้! แฉปมศาลอุทธรณ์ภาค1ชำรุด 600 รายการ รีบส่งมอบ-เร่งตรวจรับให้จบ (3)
- เปิดลิสต์! ปัญหาอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชำรุด หนักสุดฝนรั่วเข้าห้องทำงาน พ.12 คน-ปธ.ด้วย (4)
- ปธ.ศาลฎีกา ตั้งคกก.สดับตรับฟังข้อเท็จจริง สตง.แจ้งผลสอบอาคารศาลอุทธรณ์ภาค1 ชำรุดเพียบ (5)
- แค่บกพร่องไม่ทุจริต! ล้วงผลสอบอาคารศาลอุทธรณ์ภาค1ชำรุด สตง.แจ้งโทษวินัย 7คน-ชดใช้ 6.9 ล. (6)
ความคืบหน้าล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลผลการตรวจสอบกรณีนี้ของ สตง. พบว่า แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ กรณีการก่อสร้างหน้าต่างบานกระทุ้ง ชั้น 3 เกินกว่าแบบรูปรายการ จำนวน 9 บาน และ กรณีความชำรุดบกพร่องจากน้ำฝนรั่วซึมเข้าอาคารทั้ง 4 ทิศ ซึ่งมีข้อมูลใหม่ปรากฏว่า เอกชนผู้รับจ้างงานมีการนำงานบางส่วนไปจ้างช่วงอีกต่อหนึ่ง แต่ผู้รับจ้างช่วงไม่มีมาตรฐานฝีมือจึงทำให้งานเกิดปัญหา ขณะที่คำชี้แจงของกรรมการตรวจการจ้างบางราย ยอมรับว่ามิได้มีความรู้เชี่ยวชาญในงานก่อสร้าง แต่การตรวจรับงานครั้งสุดท้าย คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ใช้ระยะเวลาพิจารณหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่า มิได้ให้การอนุมัติตรวจรับงานทันทีทันใด พฤติการณ์ที่ปรากฏจึงยังไม่พอรับฟังว่ามีลักษณะเป็นการทุจริต แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่อันบกพร่องและก่อให้เกิดความเสียหายตามมาเท่านั้น
ปรากฏรายละเอียด ดังนี้
ประเด็นที่ 1
กรณีการก่อสร้างหน้าต่างบานกระทุ้ง ชั้น 3 เกินกว่าแบบรูปรายการ จำนวน 9 บาน เกิดจากคณะกรรมการตรวจการจ้างปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามสัญญา กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีหรือแบบแผนการปฏิบัติราชการ หรือไม่ อย่างไร
ผลการตรวจสอบประเด็นนี้ สตง. ชี้ว่า กรณีจึงยังไม่พอรับฟังว่า คณะกรรมการตรวจการจ้างปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามสัญญา กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือแบบแผน
การปฏิบัติราชการแต่อย่างใด
ประเด็นที่ 2
ความชำรุดบกพร่องของงานจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 1 ของสำนักงานศาลยุติธรรม ตามสัญญาเลขที่ 58/2559 ลงวันที่ 28 เมษายน 2559 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีความชำรุดบกพร่องจากน้ำฝนรั่วซึมเข้าอาคารทั้ง 4 ทิศ เกิดจากคณะกรรมการตรวจการจ้างปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามสัญญา กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือแบบแผนการปฏิบัติราชการ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ หรือมีลักษณะเป็นการทุจริต หรือไม่ อย่างไร
ผลการตรวจสอบประเด็นนี้ สตง. ชี้ว่า การที่คณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ได้ลงนามตรวจรับงานติดตั้งประตู-หน้าต่างพร้อมอุปกรณ์ และกระจก โดยมีความเห็นว่า ผู้รับจ้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา และเห็นควรเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างได้ เป็นกรณีที่คณะกรรมการตรวจการจ้างละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้าง โดยปล่อยปละละเลยให้ผู้รับจ้างนำงานบางส่วนแห่งสัญญาไปจ้างช่วงอีกต่อหนึ่ง เมื่อผู้รับจ้างช่วงไม่มีมาตรฐานฝีมือในการติดตั้งตามหลักวิชาช่างที่ดี และในการดำเนินการติดตั้งงานหน้าต่างอภูมิเนียม มิได้ปฏิบัติตามรายละเอียดและขั้นตอนที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง เป็นเหตุให้เกิดความชำรุดบกพร่องในงานติดตั้งหน้าต่างอลูมิเนียม หน้าต่างอลูมิเนียมภายนอก เป็นเงินจำนวน 6,903,079.05 บาท จึงเป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามสัญญาเลขที่ 58/2559 ลงวันที่ 28 เม.ย.2559 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2567 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 72 ประกอบกับระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2545 ข้อ 4 และพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 128 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการเป็นเงินจำนวน 6,903,079.05 บาท
อย่างไรก็ดี สตง.ระบุว่า จากการพิเคราะห์พฤติการณ์ที่ปรากฏประกอบกับเอกสารหลักฐานประกอบการตรวจสอบ และคำชี้แจงของคณะกรรมการตรวจการจ้างทั้ง 7 ราย เห็นว่า การที่กรรมการตรวจการจ้างบางราย ยอมรับว่ามิได้มีความรู้เชี่ยวชาญในงานก่อสร้าง การตรวจรับมอบงานเนื่องด้วยผู้ควบคุบคุมงานและกรรมการตรวจการจ้างผู้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักบริหารงานออกแบบและก่อสร้าง รายงานให้ทราบว่าสามารถตรวจรับมอบงานได้ โดยในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจการจ้างในการตรวจรับงานติดตั้งหน้าต่างอลูมิเนียมและกระจก ครั้งสุดท้าย และการตรวจรับงานครั้งสุดท้าย คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ใช้ระยะเวลาพิจารณาหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่า มิได้ให้การอนุมัติตรวจรับงานทันทีทันใด
พฤติการณ์ที่ปรากฏจึงยังไม่พอรับฟังว่ามีลักษณะเป็นการทุจริต โดยเป็นการปฏิบัติหน้าที่อันบกพร่องของคณะกรรมการตรววจการจ้าง และก่อให้เกิดความเสียหายตามที่กล่าวมา
@ ข้อมูล 7 คกก.ตรวจการจ้าง ถูกแจ้งชี้มูลวินัย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคณะกรรมการตรวจการจ้าง จำนวน 7 ราย ที่ถูกสตง.แจ้งให้ดำเนินการทางวินัยซึ่งมีชื่อผู้พิพากษาระดับสูงรวมอยู่ด้วยนั้น แบ่งเป็น ผู้บริหารระดับสูงในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำนวน 2 ราย , ผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานศาลยุติธรรม 1 ราย เป็นผู้บริหารระดับผู้อำนวยการในสำนักงานศาลยุติธรรม 2 ราย และวิศกรของหน่วยงานในสำนักงานศาลยุติธรรม 2 ราย
ปัจจบัน หนึ่งในคณะกรรมการตรวจการจ้างที่ถูกแจ้งให้ดำเนินการทางวินัย มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในกรรมการขององค์กรอิสระแห่งหนึ่งด้วย
หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม สำนักข่าวอิศรา จะรีบนำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป