"...หากเทียบเคียงช่วงเวลา 3 ยุคทางธุรกิจของเอกชนกลุ่มนี้ จะพบว่า การเกิดขึ้นของ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 อยู่ในช่วงยุคที่ 2 ถึงยุค 3 และน่าจะเป็นยุคทองมากที่สุด เพราะได้ร่วมกับกิจการร่วมค้า 12 ราย ได้รับงาน 29 โครงการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2562 - 2567 วงเงินตามสัญญา 22,773,856,494.83 บาท ซึ่งอยู่ในช่วงยุคการบริหารงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นต้นมา ..."
กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เริ่มต้นปฏิบัติการตรวจค้นเอกชนที่เกี่ยวข้องงานก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ถล่มพังเสียหายในเหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา
เป้าหมายเอกชนที่มีการนำหมายศาลเข้าตรวจค้น ในช่วงวันเวลาดังกล่าว แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ 2. กิจการร่วมค้า PKW ซึ่งเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง โดยมีการค้นรวม 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 บริษัท คาร์ฮัพ จำกัด จุด 2 บริษัท กิจการร่วมค้า PKW จุด 3 บริษัท ว.และสหาย และจุด 4 บริษัท PN ซิงโครไนส์ เบื้องต้นตรวจยึดพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวและการประกอบธุรกิจได้เป็นจำนวนมากและมีการตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการก่อสร้างในเรื่องนี้มาตรวจสอบด้วย และจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำประกอบพยานหลักฐานโดยเร็ว
โฟกัสข้อมูลการเข้าตรวจค้นข้อมูลในส่วนบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เป็นคดีความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือคดีนอมินี
ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังปฏิบัติการตรวจค้นดังกล่าวว่า คดีนอมินีมีความคืบหน้าไปมากทั้งเรื่องพยานหลักฐานเส้นทางการเงินที่พิสูจน์ทุนและการถือครองหุ้นแทนคนต่างด้าว ขณะนี้มีการรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องการทำให้การแข่งขันในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐไม่เป็นธรรม จนได้โครงการมาว่ามีการใช้กลอุบาย “ฟันราคา” แล้วมาลดงานภายหลัง อันจะเป็นความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูลหรือพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือไม่ ซึ่งต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏ”
ล่าสุด ในช่วงหัวค่ำวันที่ 19 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการจับกุมตัว นายจาง (ZHANG) สัญชาติจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นับเบอร์ 10 จำกัด ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2389/2568 ลงวันที่ 18 เมษายน 2568 คดีพิเศษที่ 32/2568 ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี) ระบุว่า จากการสอบสวนพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่าบริษัทได้นำคนไทยจำนวน 3 คน คือ 1.นายมานัส ศรีอนันท์ 2.นายประจวบ ศิริเขตร และ 3.นายโสภณ มีชัย ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัวไปถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เนื่องจากมีหลักฐานทางการเงิน 2,000 กว่าล้านบาท ที่มีการกู้ยืมกรรมการบริษัทที่เป็นคนจีน เป็นเหตุให้บริษัทดังกล่าวเข้าทำสัญญากับ สตง. ในรูปกิจการร่วมค้า
ขณะที่นอมินี 3 คนไทย ที่ถือหุ้นร่วมกันที่ 51% ในบริษัทฯ แต่พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ถือด้วยตัวเอง แต่เป็นการอำพรางของบุคคลต่างด้าว โดยยืนยันว่าอยู่ระหว่างการติดตามตัวและยังอยู่ในประเทศไทยทั้ง 3 คน เชื่อว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้
เจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจของ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร 10 (ประเทศไทย) จำกัด ก่อนหน้าที่ ดีเอสไอ จะเริ่มต้นปฏิบัติการบุกค้นจับกุมตัวผู้เกี่ยวข้องข้างต้น
ก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เคยเปิดเผยข้อมูลสำคัญไปแล้วว่า จากตรวจสอบพบว่าบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับกิจการร่วมค้า 12 ราย ได้รับงาน 29 โครงการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2562 - 2567 วงเงินตามสัญญา 22,773,856,494.83 บาท
ในช่วงก่อตั้งนิติบุคคลมีผู้ถือหุ้นทั้ง 3 คน ในช่วงแรก นายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 306,000 หุ้น ในวันก่อตั้ง จากนั้นค่อยโอนหุ้นให้ นายโสภณ มีชัย ในปัจจุบันเหลือแค่ 3 หุ้นเท่านั้น ประเด็นที่ต้องติดตามต่อว่า 1. เป็นการโอนหุ้นแบบปกติหรือไม่ 2. บุคคลทั้ง 3 ยังไม่เคยประกอบอาชีพในการรับเหมาก่อสร้างมาก่อน แต่กลับเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นขนาดใหญ่แบบนี้และรับงานภาครัฐได้อย่างไร
การติดตามตัว ผู้ถือหุ้นชาวไทย ทั้ง 3 คนมาให้ข้อมูลจึงดูเหมือนจะเป็นกุญแจดอกสำคัญ ในการไขคดีนอมินี เป็นอย่างมาก
- DSI โชว์ข้อมูลไชน่าฯ10 จับมือ12 กิจการร่วมค้า คว้างาน 2.2 หมื่นล.-มีแนวโน้มเป็นนอมินี?
- ตามรอย 'มานัส ศรีอนันท์' ผู้ถือหุ้นไชน่าฯ 10 พบคนหน้าเหมือนในเฟซแต่งกายคล้ายคนงานบริษัท
- ซูมชัดเลย! 'มานัส' ในเฟซคนเดียวกัน DSIสอบถือหุ้นไชน่าฯ10 โชว์เซ็นเอกสารปริศนากรมพัฒน์ฯปี 60
- ถึงคิว!ขุด'ประจวบ' ผู้ถือหุ้นไชน่าฯ10 ล็อกโพรไฟล์เฟซ - ตัวแทนขายผลิตภัณฑ์เสริมยี่ห้อดัง ?
- ขุดเจออีกเฟซ! โพรไฟล์ 'มานัส' ผู้ถือหุ้นไชน่าฯ10 โพสต์เริ่มต้นทำงาน บ.ขายยาง ปี 61
แต่ข้อมูลสำคัญอีกชุดของ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร 10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่อยู่ในมือของดีเอสไอแล้ว คือ ฐานการทำธุรกิจของเอกชนกลุ่มนี้ ก็ดูเหมือนจะมีความสำคัญไม่แพ้กัน
จากการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า จุดเริ่มการทำธุรกิจของกลุ่มบริษัทเครือข่าย ริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร 10 (ประเทศไทย) จำกัด ในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 3 ยุค เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2552 ปัจจุบันมีเอกชนอยู่ในเครือข่าย ถึง 16 แห่ง
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
@ ยุคแรก
จากการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า ในช่วงปี 2552-2559 กลุ่มทุนเครือข่าย ChinaRailwayNo.10 มีจำนวน 6 แห่ง รวมทุนจดทะเบียน 114.8 ล้านบาท
ได้แก่ 1. บจก.สันติภาพ อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต , 2. บจก.สันติภาพ การขนส่ง ไทย-จีน (ร้าง) , 3. บจก.ยูไนเต็ด สตาร์ กรุ๊ป 4. บจก.วิล มาร์ท (ประเทศไทย) 5. บจก.สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ และ 6. บจก.ไฮห่าน
กลุ่มบุคคลเกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ ถือหุ้นบริษัทกลุ่มนี้ นอกจาก นาย โสภณ มีชัย นาย ประจวบ ศิริเขตร นาย มานัส ศรีอนันท์ แล้ว
ยังมีชื่อ Mr.Binglin Wu สัญชาติจีน นายอิทธิพัทธ์ วรธำรงเกียรติ Mr.Zhan Ronghan สัญชาติจีน Mr.Chang Cheakun สัญชาติจีน และ Guangdong Dcenti Auto-Parts Stock Limited Company สัญชาติจีน
ยุคสอง
ต่อมาช่วงปี 2560 กลุ่มทุนเครือข่าย ChinaRailwayNo.10 มีจำนวนเพิ่มอีก 4 แห่ง รวมทุนจดทะเบียน 39.0 ล้านบาท ได้แก่ 1. บจก.บี เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) เลิก(เสร็จการชำระบัญชี) 2. บจก.โชคนิมิต บิสซิเนส แอนด์ เซอร์วิส 3. บจก.เอสทีพี อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต (ประเทศไทย) และ 4. บจก.เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล
กลุ่มบุคคลเกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ ถือหุ้นบริษัทกลุ่มนี้ นอกจาก นาย ประจวบ ศิริเขตร นาย มานัส ศรีอนันท์
ยังมีชื่อMr.Yan Tao สัญชาติจีน นาย ปิยะเดช วงจันทร์ศิลป์
ยุคสาม
ช่วงปี 2564-2567 กลุ่มทุนเครือข่าย ChinaRailwayNo.10 มีจำนวน 5 แห่ง รวมทุนจดทะเบียน 7 ล้านบาท
ได้แก่ 1. บจก.เอที แคปปิตอล โซลูชั่น (เลิกเสร็จการชำระบัญชี) 2. บจก.สแตร์ ลาเบล อินเตอร์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) 3. บจก.สยาม ไบโอเมดิคอล ไซเอนซ์ 4. บจก.ไซเบอร์ เทเลคอม และ 5. บจก.โมเยนเน่ (ประเทศไทย)
กลุ่มบุคคลเกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ ถือหุ้นบริษัทกลุ่มนี้ นอกจาก นาย โสภณ มีชัย นาย ประจวบ ศิริเขตร นาย มานัส ศรีอนันท์
ยังมีชื่อ นาย สามารถ มีชัย ,น.ส.วณิชชา เหว่าสำเนียง Mr.Chwi Choengtwe สัญชาติจีน น.ส.สิริกัลยา เหว่า สำเนียง นาย อธิพันธ์ มีชัย Miss Chuemey Huang สัญชาติจีน Miss Chunhua Lou สัญชาติจีน
กล่าวสำหรับรายชื่อบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นเอกชนกลุ่มนี้ จะพบว่า มีทั้งสัญชาติจีน และไทย โดยในส่วนของคนไทย จะมีคนนามสกุล มีชัย ของ โสภณ อยู่หลายคน อาทิ นาย สามารถ มีชัย, นาย อธิพันธ์ มีชัย
บุคคลเหล่านี้ สถานะที่แท้จริงแล้วเป็นใคร เข้ามาเกี่ยวข้องกับการธุรกิจของ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ได้อย่างไร อยู่ในลิสต์รายชื่อดีเอสไอ ที่จะถูกติดตามตัวมาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ ต้องจับตาดูกันต่อไป
เหล่านี้ คือ ข้อมูลฐานธุรกิจบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร 10 (ประเทศไทย) จำกัด และกลุ่มเอกชนในเครือข่าย ที่อยู่ในมือของดีเอสไอแล้ว
อย่างไรก็ดี หากเจาะลึกข้อมูลในส่วน บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด จะพบว่า นอกจากข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ทุนล่าสุด 100,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 493 ซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ จังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการบริการด้านการทรัพยากรมนุษย์และรับเหมาก่อสร้างอาคาร อาคารพาณิชย์ อาคารที่พักอาศัย สถานที่ทำการ ทางรถไฟ ทางรถสาธารณะ ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน ปรากฏชื่อ
นาย ชวนหลิง จาง (ถูกจับกุมตัวแล้ว) และ นาย โสภณ มีชัย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป คัมปะนี สัญชาติจีนถือหุ้นใหญ่สุด หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นาย โสภณ มีชัย นาย ประจวบ ศิริเขตร นาย มานัส ศรีอนันท์
นาย โสภณ มีชัย มูลค่าหุ้น 10,199,925 บาท 40.80%
นาย ประจวบ ศิริเขตร มูลค่าหุ้น 2,550,000 บาท 10.20%
นาย มานัส ศรีอนันท์ มูลค่าหุ้น 75 บาท 0.0003%
ในส่วนของทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มีการตรวจสอบพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ชำระแล้วบางส่วน 67,147,700.00 บาท คงเหลือที่ยังไม่ได้ชำระค่าหุ้น 39,852,300.00 บาท
ขณะที่ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ยังปรากฏชื่อเป็น SMEs ตั้งแต่ 08/06/2564 - 01/07/2566 ด้วย
ที่น่าสนใจ หากเทียบเคียงช่วงเวลา 3 ยุคทางธุรกิจของเอกชนกลุ่มนี้ จะพบว่า การเกิดขึ้นของ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 อยู่ในช่วงยุคที่ 2 ถึงยุค 3 และน่าจะเป็นยุคทองมากที่สุด เพราะได้ร่วมกับกิจการร่วมค้า 12 ราย ได้รับงาน 29 โครงการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2562 - 2567 วงเงินตามสัญญา 22,773,856,494.83 บาท ซึ่งอยู่ในช่วงยุคการบริหารงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นต้นมา
ส่วนเบื้องลึกการทำธุรกิจของ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ในยุคทอง ตั้งแต่ปี 2562 - 2567 จะมีนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐ รายใด เข้าไปเกี่ยวข้อง ค่อยให้การสนับสนุนดูแลอยู่หรือไม่
ยังไม่มีข้อมูลยืนยันเป็นทางการในขณะนี้