จนท.กรมชลฯ เผยคดีถมดิน-ทำทางเชื่อม-ปลูกสร้างโรงเรือน รุกทับร่องน้ำสาธารณะ พื้นที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี - อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ไกล่เกลี่ยไม่ได้ เผยรอทางตำรวจนัดสอบปากคำ ก่อนส่งสำนวนอัยการ ขอให้ศาลสั่งรื้อ พบหนึ่งรายเป็นบ้านของคนใกล้ชิดนักการเมืองท้องถิ่นด้วย
จากกรณีร่องน้ำสาธารณะริมถนนทางหลวงชนบท ในพื้นที่หมู่ 6 บ้านหัวถนน ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี (บ้านคลอง 33 ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อ ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี) ถูกชาวบ้านถมดินและทิ้งวัสดุเพื่อปลูกสิ่งก่อสร้างโรงเรือน ร้านซ่อมรถและบ้านพักอาศัยในลักษณะถาวร เกิดขึ้นเป็นเวลานานนับสิบปี และมีแนวโน้มถมมากขึ้นเพื่อให้เต็มพื้นที่ ทั้งที่มีประตูระบายน้ำและศาลาพัก แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดการปัญหาหรือดำเนินการดังกล่าว
โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ สำนักงานชลประทานที่ 11 ซึ่งได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอวิหารแดง จ.สระบุรี และ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีเอาผิด บุคคล รวม 35 ราย ภายหลังจากการหารือทำความเข้าใจและปิดประกาศโครงการฯแจ้งให้เจ้าของหรือผู้กระทำได้รับทราบและแก้ไขภายใน 30 วันซึ่งครบกำหนดเวลาแล้ว แต่ยังไม่มีการรื้อถอนหรือแก้ไข
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เจ้าของที่ดินหนึ่งรายที่มีปัญหาถมดินโดยไม่ได้รับอนญาต อย่างน้อยหนึ่งรายเป็นบ้านของคนใกล้ชิดผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน จ.สระบุรี ด้วย
ความคืบหน้าล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า พ.ต.ท.ปิติกรณ์ ชูพร้อมรอง ผกก.(สอบสวน) สภ.วิหารแดง จว.สระบุรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ร้อยเวรเชิญตัวผู้กล่าวหา (กรมชลประทาน) มาให้การ เพราะความผิดจะเกิดขึ้นเมื่อกรมชลประทานสั่งให้มีการรื้อถอนแล้ว แต่ไม่ปฎิบัติตาม ซึ่งจะต้องสอบทางกรมชลประทานเป็นหลัก และทางกรมชลประทานจะต้องรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นผู้ที่ไม่รื้อถอน ทั้งนี้ ยังไม่มีการเรียกชาวบ้านมาสอบสวน
ทางด้าน พ.ต.ท.ธัญสิษฐ์ บัวพันธุ์ สว.สอบสวน สภ.หนองเสือ จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอน กรมชลประทานประสานทุกฝ่ายเข้ามาหารือเจรจากันตามกฎหมาย
ขณะที่ นายคณพศ วัตอักษร วิศวกรชลประทานปฏิบัติ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินการหากไม่มีการแก้ไข กรณีการขุดลอก-ถมดิน ลงในทางน้ำชลประทานเพื่อทำทางเชื่อมเข้าออก และปลูกสร้างโรงเรือนโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งสำนวนให้อัยการขอให้ศาลมีคำสั่งรื้อถอน สำหรับแนวปฏิบัติทั่วไปคือ
- ลำดับขั้นตอนที่ 1 - เตือนด้วยวาจา
- ลำดับขั้นตอนที่ 2 - ออกหมาย แจ้งเตือน
- ลำดับขั้นตอนที่ 3 - แจ้งความ สน. ในพื้นที่
- ลำดับขั้นตอนที่ 4 - ตำรวจลงสอบสวน ร่วมกับ กรมชลประทาน และ ธนารักษ์
- ลำดับขั้นตอนที่ 5 - ส่งฟ้องศาลดำเนินคดี
- ลำดับขั้นตอนที่ 6 - ศาลพิจารณาคดี สั่งรื้อถอน
นายคณพศ กล่าวว่า ขณะนี้ กรมชลฯ ดำเนินการถึงขั้นที่ 3 รอทางตำรวจนัดสอบปากคำ ซึ่งทางตำรวจยังไม่มีการประสานติดต่อกลับมา คาดว่าน่าจะเรียงลำดับตามคดีที่แจ้งความ 1 หลัง 1 คดี ไม่สามารถรวมกันได้
ทั้งนี้ สำหรับกรณีการรุกล้ำ ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ แต่ยังมีอีกทางคือ ให้ทำเรื่องขออนุญาติ ให้ถูกกฏหมาย แต่ที่ผ่านมาพวกทางเชื่อมเข้าบ้าน ชาวบ้านสามารถขออนุญาตตามกฏหมายได้ แต่ส่วนใหญ่ ชาวบ้านจะแอบทำกัน ไม่ยอมมาขอให้ถูกระเบียบ ถ้ามีการมาขอให้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องส่งฟ้องศาล
ส่วนกรณีค่าปรับ นายคณพศ กล่าวว่า ต้องแยกเป็นแต่ละกรณีไป ต้องให้ตำรวจนำสืบ ให้เรียบร้อย ทั้งนี้ การขอใช้พื้นที่ในเขตชลประทาน ที่ธนารักษ์รับผิดชอบ มีการเก็บรายได้ให้รัฐอยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: