
รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย แถลงการณ์ เรียกร้อง แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากนายกรัฐมนตรีทันที พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ชวน ประชาชน ยืนข้างทหาร
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายนิติธร ล้ำเหลือ พร้อมกับแกนนำรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ยืนอ่านแถลงการณ์ ว่า บัดนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า บรรดาฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมาชิกรัฐสภา (สส.และสว.) ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง การแต่งตั้ง การรัฐประหาร หรือการเลือกกันเอง ไม่ได้มีเจตนารมณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนอย่างแท้จริง จนก่อให้เกิดวิกฤตด้านการเมือง เศรษฐกิจ กระบวนการยุติธรรม ความมั่นคง ดุลสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านคุณธรรม จริยธรรม และสังคมอย่างกว้างขวาง ลึก และรุนแรง
@ ให้ความสำคัญกับรูปแบบ-วิธีการยิ่งกว่าหลักการพื้นฐานปชต.
นายนิติธรกล่าวว่า เหตุมาจากการที่มีผู้ไม่นำพา ไม่ยึดถือยำเกรงกฎหมาย กฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ ขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล ให้ความสำคัญกับรูปแบบและวิธีการยิ่งกว่าหลักการพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการ ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลจากฝ่ายการเมือง ฝ่ายทุนผูกขาดเหนือตลาด เหนือรัฐ เหนือฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรอิสระ องค์กรตรวจสอบ รวมตลอดถึงบุคคลที่อาศัยตำแหน่งอำนาจหน้าที่ แอบอ้าง รวมกันทำลายรัฐธรรมนูญ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม จริยธรรม และเอกราช อำนาจอธิปไตยของประเทศชาติและประชาชน ทำลายหลักป้องกันตรวจสอบและขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างรุนแรง ใช้อำนาจปกครองบ้านเมืองตามอำเภอใจ
นายนิติธรกล่าวว่า ทั้งรัฐบาลยังอยู่ภายใต้การบงการ การสั่งการ การครอบงำจากต่างชาติ พฤติกรรมที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นพฤติกรรมที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาประชาชนคนไทยทั่วทั้งแผ่นดินต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่า บรรดานายกรัฐมนตรี ครม. สมาชิกรัฐสภา องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ไม่นำพาต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม
@ มีพฤติการณ์ในเชิงสมคบคิด-เจตนาตอบสนองศัตรู
“ที่เลวร้ายที่สุด แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ไร้ความสามารถ ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออกนโยบายทำลายความมั่นคง ทำลายสถานบันหลักของชาติ กระทำการในลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มีพฤติกรรมตามที่เป็นข่าวสาธารณะในเชิงสมคบคิด และแสดงออกซึ่งเจตนาในการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางตอบสองต่อความต้องการของอริราชศัตรู”นายนิติธรกล่าว
นายนิติธรกล่า่วว่า ทั้งแสดงตัวตนด้วยคำพูดและการกระทำ ที่ทำให้เข้าใจได้ว่า เป็นฝ่ายเดียวกับอริราชศัตรูที่มีความมุ่งหมายรุกล้ำ ละเมิดอำนาจอธิปไตย ต้องการยึดครองแผ่นดินไทย รวมถึงทรัพยากรของชาติ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน และขัดต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่นายกรัฐมนตรี
นายนิติธรกล่าวว่า ขณะเดียวกัน แม้ปรากฏข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดตามข่าวสาธารณะและการยอมรับของนายกรัฐมนตรี บรรดาครม. และพรรคร่วมรัฐบาล ยังคงสนับสนุนแพทองธาร ชินวัตร ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล จึงอาจถือได้ว่า เข้าร่วมกระทำการกับนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์เป็นปฎิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา กระทำการขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน
@ แพทองธาร ลาออกทันที-พรรคร่วมถอนตัว
“เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความมั่นคงและอำนาจอธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม ให้แพทองธาร ชินวัตร ลาออกทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที เพราะหมดความชอบธรรมแล้ว”นายนิติธรกล่าว
นายนิติธรกล่าวว่า ขอเรียกร้องพี่น้องประชาชนคนไทย ใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ ร่วมมือร่วมใจ สามัคคีลดเงื่อนไขขัดแย้ง รวมกันเป็นพลังแผ่นดิน แสดงตนให้นายกรัฐมนตรีลาออกทันที พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลทันที พร้อมทั้งเป็นขวัญกำลังใจยืนเคียงข้างทหาร ร่วมกันทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินและอำนาจอธิปไตยของชาติอย่างกล้าหาญมั่นคงและร่วมกันปรึกษาหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยและประเพณีการปกครองที่เหมาะสมกับสถานการณ์และอัตลักษณ์สังคมไทย
นายนิติธรกล่าวว่า โดยยึดถือหลักศีลธรรม หลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และหลักธรรมาภิบาล อันจะทำให้สามารถขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนา จนเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและดุลสัมพันธ์ระหว่างประเทศสืบไป สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย

ที่มาภาพปก : มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา