พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สนธิกำลัง ปปป. บุกจับ 'วิชยุตม์ เดชโชติวิรุฬห์' นายช่างสำรวจ ส.ป.ก- 'สิปปกร โกจินอก' กำนัน สระบุรี ทุจริตเอื้อประโยชน์ออกเอกสิทธิ์รุกที่ป่าทำรีสอร์ทภูนับดาว ตามหมายศาลฯ เผยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ เกี่ยวข้อง 6 ราย แบ่งหน้าที่กันทำงาน เซ็นใบรับรองสภาพพื้นที่เป็นเกษตรกรรมทั้งที่ยังเป็นป่า ออกใบรับรองคุณสมบัติผู้ขอโดยไม่ตรวจสอบจริง เหลืออีก 3 อยู่ระหว่างติดตามตัว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการปราบปรามการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. เข้าตรวจค้นสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี เพื่อจับกุม นายวิชยุตม์ เดชโชติวิรุฬห์ อายุ 42 ปี ตำแหน่งนายช่างสำรวจชำนาญงาน ส.ป.ก.สระบุรี และ นายสิปปกร โกจินอก อายุ 57 ปี กำนันตำบลหนองย่างเสือ สองผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ” ในคดีใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
สำหรับปฏิบัติการดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่รีสอร์ทหรู“ไร่ภูนับดาว” อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี มีการก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวของนายทุน จนกระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนด้วยการออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง
โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกันกระทำผิดดังกล่าว มีด้วยกันทั้งหมด 6 คน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอย่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หลังพบหลักฐานว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับนายทุนโดยมิชอบ มีการแบ่งกน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจน อาทิ เซ็นใบรับรองสภาพพื้นที่เป็นเกษตรกรรมทั้งที่ยังเป็นป่า และ ออกรับรองคุณสมบัติผู้ขอโดยไม่ตรวจสอบจริง การจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบรังวัดพื้นที่
เมื่อปรากฎหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัด ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด 6 ราย จนนำมาสู่ปฏิบัติการบุกเข้าจับกุมตัวเมื่อข่วงเช้าของวันนี้ ซึ่งเบื้องต้นขณะนี้สามารถจับกุมตัวได้แล้วจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายวิชยุตม์ นายช่างสำรวจชำนาญงาน สปก.สระบุรี นายสิปปกร กำนันตำบลหนองย่างเสือ นายอรุณ ศรีนาทม อายุ 56 ปี ส่วนที่เหลืออีก 3 อยู่ระหว่างการติดตามตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 12.30 น. วันที่ 8 ส.ค. ภายหลังเสร็จสิ้นปฏิบัติการจับเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินป่าไม้เอื้อนายทุนแล้วนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อม พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ป. พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.กก 2 บก.ปปป. นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายพัฒน์พงษ์ สมิตติพัฒน์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. ได้ลงพื้นที่สำรวจผืนป่าในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จุดที่ถูกนายทุนบุกรุก จนนำมาสู่การตรวจสอบดังกล่าว
@ เป็นปฏิบัติการตามนโยบายท้วงผืนป่าให้กับเกษตรกรผู้ยากไร้
พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า "เป็นปฏิบัติการตามนโยบายท้วงผืนป่าให้กับเกษตรกรผู้ยากไร้ ซึ่งเกษตรกรผู้ยากไร้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงที่ดินทำกิน ในวันนี้เป็นการบูรณาการกับหลายหน่วยเพื่อทวงพื้นที่ป่าให้กับประชาชน สำหรับที่ไปที่มาเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ทาง ป.ป.ท. ร่วมกับกรมป่าไม้ดำเนินคดีกับประชาชนที่บุกรุกป่าในพื้นที่จังหวัดสระบุรี 5 ราย ศาลมีคำพิพากษาให้มีโทษจำคุกทั้ง 5 ราย หลังจากผู้ต้องหาพ้นโทษ สำนักงาน ส.ป.ก. จังหวัดสระบุรี ได้มีการจัดสรรที่ดินทำดินให้กับ เกษตรกรทั้ง 5 ราย ซึ่งมีความผิดปกติ จึงได้มีการตรวจสอบขยายผลการมอบที่ดินให้ทั้ง 5 ราย โดยเข้มข้นปรากฏว่าพบความผิดปกติ พบข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานบางอย่างชี้ชัดว่าอาจจะมีการทุจริตจากคน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นรัฐ กลุ่มที่สอง คือประชาชนที่อาจจะเป็นนอมินี หรือผู้ที่เป็นมีสิทธิ์ และกลุ่มสุดท้าย คือนายทุน เราจึงตรวจสอบ และพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินของส.ป.ก. ขยายไปอย่างรวดเร็วเกือบ 600 ไร่ ซึ่งเป็นที่น่าตกใจ"
"สำนักงาน ป.ป.ท. จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียน เราดำเนินการ 2 ส่วน ส่วนแรกที่ส่งเรื่องไป คือ ป.ป.ช. แต่อีกส่วนนึงจากสี่แปลงจาก 84 แปลง 600 ไร่เราตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับ บก.ปปป. หลังจากนั้นก็มีการบูรณาการกับกระทรวงเกษตร กรมป่าไม้ สำนักงานปปช. หลายเดือนที่ผ่านมามีการเก็บหลักฐานอย่างเข้มข้น จนนำมาสู่ปฏิบัติการในวันนี้และมาสู่การจับกุม เจ้าหน้าที่รัฐ ส.ป.ก. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย"
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ได้ร่วมบูรณาการร่วมกับ ปปท. , ป.ป.ช. , กรมป่าไม้ และกระทรวงเกษตรในการที่จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ละเมิดกฎหมาย
"เราได้ทำการสืบสวนร่วมกัน พบว่าที่แปลงนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ในส่วนแรกที่ 100 ไร่ ในภูนับดาว ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ทาง ป.ป.ช. รับไปดำเนินการเอง และยังไม่ส่งกลับ แต่ในส่วนที่ 2 คือพื้นที่ 600-700 ไร่ ป.ป.ช. ได้ส่งให้เราดำเนินการ และก็ได้ทำการสืบสวนสอบสวน เก็บหลักฐานข้อมูล ปรากฏว่า มีพื้นที่เสียหายเป็นจำนวนมาก สิ่งที่เราดำเนินการเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เราไม่ได้รังเแกใคร เราทำไปตามขอบเขตของกฎหมายก่อนหน้านี้ เราเคยมาที่พื้นที่ดังกล่าวแล้ว ข้างหลังยังเป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่พื้นที่ทำมาหากิน และมีนายทุนมาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยึดพื้นที่ประมาณ 600-700 ไร่ ในการสอบให้กับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ วันนี้เราจึงมาบังคับใช้กฎหมายใน 4 แปลงนี้หลังจากนั้นจะขยายผลไปยังพื้นที่และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่ดินทั้งหมด เราจะตามเอากลับมาให้ครบ ไม่ใช่เอาพื้นที่นี้ไปแจกนายทุน"
@ ผู้ที่เกี่ยวข้อง 6 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
ขณะที่ พ.ต.อ.วนัสชัย บอกว่า ในส่วนของตำรวจ บก.ปปป. ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการในข้อเท็จจริง จนกระทั่งรวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 6 รายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งหมด มีทั้งเจ้าหน้าที่สปก.จังหวัดสระบุรี เจ้าหน้าที่พนักงานรางวัด ขึ้นไปถึงหัวหน้าส.ป.ก.จังหวัดสระบุรี รวมถึงผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ที่ออกใบรับรองให้กับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์โดยแท้จริง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คนในวันนี้ เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการออกส.ป.ก. ในส่วนของข้อหา คือข้อหาเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และทำเอกสารอันเป็นเท็จ หลังจากนี้เราจะขยายผลทั้งที่ดิน และผู้บุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ นายธนดล กล่าวว่า "เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ป่าไม้ มายาวนาน มีหลักฐานจากกรมป่าไม้ชัดเจน ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราไม่ได้มีนโยบายประชาชนมาทำกินโดยการที่บุกรุกป่า แต่มีเจ้าหน้าที่รัฐ คือเจ้าหน้าที่ สปกผ.จังหวัดสระบุรี ไล่ตั้งแต่ ปฏิรูปที่ดินจังหวัด , ผอ. ฝ่ายกฎหมาย , ฝ่ายรางวัด ฝ่ายยุทธศาสตร์ พื้นที่ดังกล่าวบริเวณนี้มีพื้นที่หนึ่งแปลง 62 ไร่โดยที่ขั้นตอน คือเจ้าของที่ทำประโยชน์ต้องไปแจ้งกับ ส.ป.ก.จังหวัดว่าที่ดินดังกล่าวทำอยู่ซึ่งเดิมทีที่ดินตรงนี้เป็นป่าทั้งหมด แต่ไปออกเอกสารเท็จว่าพื้นที่ตรงนี้ปลูกมันสำปะหลัง"
"จากนั้นเจ้าหน้าที่รังวัดก็จะเข้ามารางวัดพอมารางวัดเสร็จ ก็จะส่งข้อมูลให้กับฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายนิติกรในการสอบสวนสิทธิ์ และให้ฝ่ายยุทธศาสตร์ตรวจสอบสิทธิ์ว่า มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรหรือไม่ จากนั้น ส่งให้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดออกใบส.ป.ก. 4-01 ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ เป็นกระบวนการฉ้อฉลเพื่อให้ได้ที่ดินของรัฐ ให้ได้ซึ่งเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง"
เมื่อมีเอกสารถูกต้องเขาก็เข้ามาบุกรุกป่า จากนั้นก็มาปลูกบ้าน ตัดต้นไม้ทั้งที่เป็นทรัพยากรของประเทศชาติ จึงเป็นที่มาในการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ของส.ป.ก. ทั้งหมด 5 คน และกำนันที่เป็นผู้รับรับรองว่ามีเกษตรกรประกอบอาชีพอยู่ในที่ดินนี้ซึ่งทั้งหมดเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้น ย้ำว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปราบปรามคอรัปชั่น หากมีเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็จะดำเนินคดีอย่างแน่นอน
ขณะที่ นายพัฒน์พงษ์ เปิดเผยว่า Wเราภูมิใจกับพื้นที่ตรงนี้ เพราะเราเริ่มปลูกต้นไม้มาตั้งแต่ 2021 ปลูกทั้งไม้ประดู่ ไม้สักจนเต็มพื้นที่ 6,000 ไร่เป็นที่น่าเสียดายที่ทรัพยากรที่กรมป่าไม้ดูแลรักษามาเป็นอย่างดีกลายเป็นเช่นนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น"


สำหรับปฏิบัติการดังกล่าว จากการนำกำลังเข้าตรวจค้นหลายจุด เบื้องต้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย 1.นายวิชยุตม์ เดชโชติวิรุฬห์ อายุ 42 ปี ตำแหน่งนายช่างสำรวจชำนาญงาน ส.ป.ก.สระบุรี 2.นายสิปปกร โกจินอก อายุ 57 ปี กำนันตำบลหนองย่างเสือ 3.นายอรุณ ศรีนาทม อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ส.ป.ก.สระบุรี 4.นายบรรจง ปองนาน อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.หนองบัวลำภู 5. นายกิติวุฒิ ศัพทเสวี อายุ 40 ปี ผอ.กฎหมาย รรท.ปฏิรูปที่ดินสระบุรี และ นายพลกฤษณ์ สุขแพทย์ อายุ 61 ปี ผู้ช่วยรังวัด ส.ป.ก.สระบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกี่ยวกับคดีนี้ เคยปรากฏข่าวในช่วงเดือนธันวาคม 2567 เกี่ยวกับไร่ภูนับดาว บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก. และเชื่อมโยงไปถึง ‘นางสาว ช.’ คนใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่ ขณะที่ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ออกเอกสารชี้แจงระบุว่าจากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดิน มีการประกอบกิจการฟาร์มปศุสัตว์ โดยเลี้ยงโคนม ม้า เป็ด นกกระจอกเทศ และเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในลักษณะรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ลานกางเต้นท์ ลานกิจกรรมและร้านอาหารในที่ดิน จำนวน 13 แปลง ในชื่อสถานที่ว่า ไร่ภูนับดาว
เบื้องต้น ได้แจ้งให้เกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 13 แปลงมาชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่แล้ว สรุปว่า มีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ 6 แปลง จำนวน 2 ราย มีการยื่นคำขอรับอนุญาตใช้ที่ดินจำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่ 3-0- 25 ไร่ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ “โครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรมนวัตกรรมยั่งยืนไร่ภูนับดาว”
ต่อมา เมื่อ ส.ป.ก.ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวว่า จึงได้มีหนังสือในเดือนตุลาคม 2567 และหนังสือด่วนที่สุด ที่ กษ 1204/6922 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 แจ้งให้ส.ป.ก.สระบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำข้อเท็จจริงเสนอ คปจ. สระบุรีพิจารณาทบทวนคำสั่งอนุญาตให้ใช้ที่ดินเนื่องจากยังมีประเด็นอาคารสิ่งปลูกสร้างในที่ดินซึ่งใช้เป็นที่ทำการของบริษัทภูนับดาวที่ยังไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้องตามกฎหมายของหน่วยงานอื่นและอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาคารสิ่งปลูกสร้างที่เสนอในที่ประชุม คปจ.สระบุรี จึงยังไม่เป็นที่ยุติว่า ส.ป.ก.หรือหน่วยงานอื่นจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร ทั้งนี้ ส.ป.ก.สระบุรี ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ได้รับอนุญาตทราบว่า จะมีการทบทวนการอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อจัดทำโครงการศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ให้โอกาสโต้แย้งแสดงหลักฐานต่อ ส.ป.ก.สระบุรีภายใน 30 วัน และได้ขอความร่วมมือให้หยุดประกอบกิจการ จนกว่าคปจ. สระบุรี จะได้พิจารณาทบทวนคำสั่งให้เป็นที่ยุติต่อไป
จากนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าจากการประชุมร่วมกับตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า พื้นที่ที่ทำการตรวจสอบ 600 ไร่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์เป็นที่ดิน ส.ป.ก. ได้เนื่องจากพบว่าเป็นพื้นที่ปลูกป่าตั้งแต่ปี 2520 รวมถึงยังเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ มีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ จึงไม่สามารถออกเอกสาร ส.ป.ก.ได้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบเห็นรายชื่อปรากฏที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร่ภูนับดาว หรือ พื้นที่รอบข้างบางส่วนใน 600 ไร่นี้ด้วย ซึ่งก็มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอยู่ เป็นนามสกุลดังหากพูดชื่อมาหลายคนก็น่าจะรู้จัก ขณะที่ นโยบายของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทำคดีไปตามข้อเท็จจริง และบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนด้วยความเป็นธรรม และยืนยันว่าจะทำคดีนี้ให้เร็วที่สุด
อ่านประกอบ :
- เพจ ‘ไร่ภูนับดาว’ โพสต์ ไม่เกี่ยวข้อง ‘นางสาว ช.’ คนใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่
- กรมป่าไม้แจงไทม์ไลน์สรุปสถานะที่ดินไร่ภูนับดาว ตั้งแต่ปี 2507 หลังมีข่าวรุกที่ ส.ป.ก.
- ส.ป.ก.จ่อทบทวนอนุญาตใช้ที่ดิน 'ภูนับดาว' ทำศูนย์การเรียนรู้ ให้โอกาสโต้แย้ง 30 วัน
- 'บิ๊กเต่า'ยันที่ 600 ไร่ มวกเหล็ก ออก ส.ป.ก.ไม่ได้-แย้มมีนักการเมืองดังเอี่ยวไร่ภูนับดาว
คลิปประกอบข่าว :

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา