เปิดคำพิพากษาคดี‘เบญจพล สวัสดิ์พาณิชย์’ ขรก.การเมืองลูกชาย ‘วงศ์ศักดิ์’อดีตอธิบดี ปค. ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติ 36.9 ล. ถือครอง ในชื่อตน เมีย คนใกล้ชิด เงินฝาก ที่ดิน 19 แปลง จ.เพชรบูรณ์ บ้าน อ.ปากเกร็ด 21.5 ล. หลังศาลฎีกาฯ วินิจฉัย พ้นเกิน 5 มี-ไม่มีเหตุควรสงสัยให้ไต่สวน ยกคำร้อง (ตอน 1)
สืบเนื่องกรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อ วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ให้ยกคำร้องคดีนายเบญจพล สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปี 2554 ผู้ถูกกล่าวหา ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินอันเนื่องจากร่ำรวยผิดปกติ 36,930,960.26 บาท
ศาลฎีกาฯเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอันเป็นเจ้าพนักงานของรัฐเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพิ่งมีมติในการประชุมครั้งที่ 88/2562 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 ว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ เกินกว่า 5 ปี หลังจากผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งแล้ว หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยกเรื่องขึ้นพิจารณาจำต้องแสดงให้เห็นว่า กรณีของผู้ถูกกล่าวหาต้องปรากฏหลักฐานโดยชัดแจ้งว่าเป็นกรณีที่เป็นการกระทำที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อขึ้นหรือมีส่วนร่วมในการกระทำและการกระทำนั้นก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงตามเงื่อนไขข้อยกเว้น ซึ่งตามพฤติการณ์ในคดีนี้ยังไม่ปรากฏหลักฐานโดยชัดแจ้งว่ามีการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงประการใดอันจะเข้าเงื่อนไขข้อยกเว้นที่ให้อำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยกเรื่องขึ้นพิจารณาตามมาตรา 55 ได้ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยกเรื่องผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ ขึ้นพิจารณาจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องย่อมไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นอีกต่อไป

ทรัพย์สินที่ นายเบญจพล ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลว่ารวยผิดปกติมีอะไรบ้าง ?
สำนักข่าวอิศรานำคำพิพากษามารายงานในส่วนแรกเป็นคำร้องของ ป.ป.ช. โดยเป็นเงินในบัญชีเงินฝากในชื่อภรรยา 6 บัญชี แม่ 3 บัญชี และน้องชาย 1 บัญชี รวม 10 บัญชี ที่ดินในตำบลห้วยใหญ่ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ในชื่อนายเบญจพลและน้องชาย รวม 19 แปลง ที่ดินโฉนด 2 แปลง พร้อม อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ชื่อมารดา ราคา 21.5 ล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา
คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม.7/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อม.27/2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 17 เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช 2568
ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง
นางกุลพิมพ์ สวัสดิ์พาณิชย์ หรือสุขสมภักตร์ หรือ นางสาวกุลพิมพ์ จุลเสนีย์ชร ผู้คัดค้านที่ 1 นางวิไลพร สวัสดิ์พาณิชย์ หรือวิรัตนจันทร์ ที่ 2 นายเบญจรงค์ สวัสดิ์พาณิชย์ ที่ 3 นายเบญจพล สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน

ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 ผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการการเมืองตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 4 (16) จึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าพนักงานของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มีบิดาชื่อนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นคู่สมรส ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นมารดา และผู้คัดค้านที่ 3 เป็นน้องชาย
@ถือครองทรัพย์สินในชื่อตนเอง เมีย แม่ น้องชาย 63.2 ล. รวยผิดปกติ 36.9 ล.
ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตนและผู้คัดค้านที่ 1 ต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2554 กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2555 และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557
ผู้ร้องตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีพ้นจากตำแหน่งพบว่าผู้ถูกกล่าวหามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ไม่สัมพันธ์กับรายได้จากเงินเดือน มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จึงมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนโดยการเปรียบเทียบทางบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ไต่สวนพยานบุคคลและเอกสารแล้วเห็นว่ารายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ทั้งที่อยู่ในชื่อผู้ถูกกล่าวหา บิดาของผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านทั้งสาม รวมมูลค่า 63,268,424.58 บาท เพิ่มขึ้นผิดปกติ มีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงและผู้ร้องไต่สวนพยานบุคคลและเอกสารเพิ่มเติมแล้วพอฟังได้ว่าทรัพย์สินบางรายการไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ แต่ยังคงมีทรัพย์สินในชื่อผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านทั้งสาม 12 รายการ เพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมมูลค่า 36,930,960.26 บาท ได้แก่
(1) เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารามคำแหง 2 บัญชีเลขที่ 154-101800-9 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 1 และผู้ถูกกล่าวหา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555 ฝาก 3,000,000 บาท และวันที่ 27 ธันวาคม 2555 ดอกเบี้ย 84,953.42 บาท รวม 3,084,953.42 บาท
(2) เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซี บางนา-ตราด บัญชีเลขที่ 117-281600-8 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 1 วันที่ 27 เมษายน 2555 ฝาก 200,000 บาท วันที่ 25 พฤษภาคม 2555 ฝาก 350,000 บาท วันที่ 29 มิถุนายน 2555 ฝาก 30,000 บาท วันที่ 29 มิถุนายน 2555 ฝาก 30,000 บาท วันที่ 29 มิถุนายน 2555 ฝาก 30,000 บาท วันที่ 29 มิถุนายน 2555 ฝาก 10,000 บาท วันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ฝาก 30,000 บาท วันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ฝาก 30,000 บาท วันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ฝาก 30,000 บาท วันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ฝาก 10,000 บาท วันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ฝาก 50,000 บาท วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ฝาก 90,000 บาท วันที่ 17 สิงหาคม 2555 ฝาก 200,000 บาท วันที่ 29 สิงหาคม 2555 ฝาก 300,000 บาท รวม 1,390,000 บาท
(3) เงินฝาก ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนสามัคคี (นนทบุรี) บัญชีเลขที่ 384-207727-9 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 1 วันที่ 27 เมษายน 2555 ฝาก 200,000 บาท วันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ฝาก 300,000 บาท วันที่ 29 สิงหาคม 2555 ฝาก 500,000 บาท และวันที่ 3 ตุลาคม 2555 ฝาก 201,000 บาท รวม 1,201,000 บาท
(4) เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยวัดบัวขวัญ (นนทบุรี) บัญชีเลขที่ 384-101205-6 ชื่อบัญชี ผู้คัดค้านที่ 1 วันที่ 27 เมษายน 2555 ฝาก 1,000,000 บาท วันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ดอกเบี้ย 678.08 บาท รวม 1,000,678.08 บาท
(5) เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยวัดบัวขวัญ (นนทบุรี) บัญชีเลขที่ 384-101303-6 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 1 วันที่ 29 สิงหาคม 2555 ฝาก 1,000,000 บาท วันที่ 29 สิงหาคม 2555 ฝาก 1,000,000 บาท วันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ดอกเบี้ย 31,664.38 บาท และวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ดอกเบี้ย 31,664.38 บาท รวม 2,063,328.76 บาท
(6) เงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน บัญชีเลขที่ 726-2-20755-9 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 1 วันที่ 15 มิถุนายน 2555 ฝาก 100,000 บาท และวันที่ 2 ตุลาคม 2555 ฝาก 50,000 บาท รวม 150,000 บาท
(7) เงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาร้อยเอ็ด บัญชีเลขที่ 269-0-43059-6 ชื่อบัญชี ผู้คัดค้านที่ 2 วันที่ 22 กันยายน 2554 ฝาก 100,000 บาท วันที่ 14 ตุลาคม 2554 ฝาก 300,000 บาท วันที่ 17 ตุลาคม 2554 ฝาก 500,000 บาท วันที่ 16 มกราคม 2555 ฝาก 300,000 บาท วันที่ 13 มีนาคม 2555 ฝาก 200,000 บาท วันที่ 13 มีนาคม 2555 ฝาก 60,000 บาท วันที่ 14 มีนาคม 2555 ฝาก 200,000 บาท วันที่ 28 มีนาคม 2555 ฝาก 160,000 บาท วันที่ 24 พฤษภาคม 2555 ฝาก 300,000 บาท วันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ฝาก 100,000 บาท วันที่ 9 กรกฎาคม 2555 ฝาก 200,000 บาท วันที่ 14 สิงหาคม 2555 ฝาก 300,000 บาท วันที่ 30 สิงหาคม 2555 ฝาก 100,000 บาท วันที่ 18 กันยายน 2555 ฝาก 100,000 บาท วันที่ 3 ตุลาคม 2555 ฝาก 400,000 บาท และวันที่ 24 ตุลาคม 2555 ฝาก 300,000 บาท รวม 3,620,000 บาท
(8) เงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาแกรนด์ คาแนล บัญชี เลขที่ 484-1-00913-4 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 2 วันที่ 20 มิถุนายน 2555 ฝาก 294,000 บาท
(9) เงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาแกรนด์ คาแนล บัญชีเลขที่ 484-1-06450-6 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 2 วันที่ 16 มีนาคม 2555 ฝาก 127,000 บาท วันที่ 5 เมษายน 2555 ฝาก 100,000 บาท วันที่ 2 พฤษภาคม 2555 ฝาก 200,000 บาท และวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 ฝาก 200,000 บาท รวม 627,000 บาท
(10) เงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาแกรนด์ คาแนล บัญชีเลขที่ 484-1-01991-7 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 3 วันที่ 4 มกราคม 2555 ฝาก 100,000 บาท วันที่ 7 มกราคม 2555 ฝาก 100,000 บาท วันที่ 17 มกราคม 2555 ฝาก 500,000 บาท วันที่ 23 มกราคม 2555 ฝาก 100,000 บาท และ วันที่ 24 มกราคม 2555 ฝาก 500,000 บาท รวม 1,300,000 บาท
(11) ที่ดินโฉนดเลขที่ 87869, 87871, 87872, 87878, 87879, 87881, 87882, 87885, 87886, 87887, 87888, 87889, 87890, 87891, 87898, 87899, 87900, 87902 และ 87903 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีชื่อผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 3 ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันรวม 19 แปลง ราคา 700,000 บาท และ
(12) ที่ดินโฉนดเลขที่ 25274 และ 25275 พร้อมบ้านเลขที่ (ปิดบัง-สำนักข่าวอิศรา) หมู่ 9 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี มีชื่อผู้คัดค้านที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์ ราคา 21,500,000 บาท
@อายัดที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ 19 แปลง / โฉนด 2 ฉบับ-บ้าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
เมื่อพิจารณาหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาบันทึกถ้อยคำของผู้คัดค้านทั้งสาม พยานเอกสารและพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว เห็นว่าทรัพย์สินทั้ง 12 รายการ ผู้ถูกกล่าวหาได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ อายัดที่ดินโฉนดเลขที่ 87869, 87871, 87872, 87878, 87879, 87881, 87882, 87885 ถึง 87891, 87898 ถึง 87900, 87902 และ 87903 รวม 19 แปลง ที่ดินโฉนด เลขที่ 25274 และ 25275 พร้อมบ้านเลขที่ 20/255 เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 117-281600-8 และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 726-2-20755-9 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 1 เงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 269-0-43059-6 และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 484-1-00913-4 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 2 และเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 484-1-01991-7 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 3 ไว้เป็นการชั่วคราว
@อัยการสูงสุดเห็นแย้ง/ ป.ป.ช.ฟ้องเอง
และมีหนังสือส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารพยานหลักฐานและความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 แต่อัยการสูงสุดเห็นว่าสำนวนการไต่สวนยังไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ในประเด็นว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจไต่สวนกรณีกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความเห็นว่าสามารถยกเรื่องขึ้นพิจารณาได้หากเรื่องดังกล่าวมีหลักฐาน ปรากฏชัดแจ้งและเป็นกรณีที่เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง แม้ผู้ถูกกล่าวหา จะพ้นจากตำแหน่งที่ถูกกล่าวหาไปแล้วเกินกว่า 5 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 55 และเป็นการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตำแหน่งมาไม่เกิน 10 ปี ตามมาตรา 59 วรรคสอง ประกอบกับความผิดร่ำรวยผิดปกติเป็นอำนาจเฉพาะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งกำหนดว่าในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติให้ถือว่าเป็นการกระทำการทุจริตต่อหน้าที่โดยกฎหมายกำหนดให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน หรือผู้มีอำนาจให้พ้นจากตำแหน่งมีอำนาจ สั่งไล่ออก หรือดำเนินการถอดถอนได้โดยไม่ต้องสอบสวน หรือขอมติจากคณะรัฐมนตรี หรือความเห็นชอบจากองค์กรบริหารงานบุคคล ซึ่งการที่กฎหมายได้กำหนดเนื้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คดีร่ำรวยผิดปกติมีลักษณะของการกระทำความผิดร้ายแรง ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอำนาจยกเรื่องขึ้นพิจารณาและยกเหตุอันควรสงสัยขึ้นไต่สวนได้ตามมาตรา 55 และมาตรา 59 วรรคสอง เป็นไปตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. (ด้านกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ 13/2564 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 และตามความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการกฎหมายและระเบียบการประชุมครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 ซึ่งคณะกรรมการได้ประชุมร่วมกันแต่ทั้งสองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุดจึงส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารประกอบคืน
@ขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาและทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของ ผู้คัดค้านทั้งสามรวมมูลค่า 36,930,960.26 บาท พร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้น ตกเป็นของแผ่นดิน ให้ผู้ถูกกล่าวหาส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินและทรัพย์สินดังกล่าว หรือเอกสารที่เกี่ยวกับการรับช่วงทรัพย์ของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวพร้อมกับให้โอนกรรมสิทธิ์หรือชำระเงิน 36,930,960.26บาท พร้อมดอกผลแก่แผ่นดินโดยกระทรวงการคลัง หากไม่โอนไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ หรือไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินดังกล่าวได้ทั้งหมดหรือได้แต่บางส่วนแล้ว
ให้ผู้ถูกกล่าวหาชดใช้เงินหรือบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาตามสัดส่วนของมูลค่าทรัพย์สินที่ขาดอยู่ ให้แผ่นดินแทนจนครบถ้วนหากไม่โอนให้ถือเอาคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 115, 118 ประกอบมาตรา 84 และ มาตรา 83
สำนักข่าวอิศราจะรายงานเพิ่มต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา