"...ปรากฎการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หากจำกันได้ ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการเลือกตั้งปี 62 ได้ก่อกำเนิด 'พรรคทหาร' ที่ชื่อว่า 'พรรคพลังประชารัฐ' ได้กวาดต้อนนักการเมืองระดับชาติ-นักการเมืองระดับท้องถิ่น รวมถึงอดีตนักการเมืองกลุ่ม-ก๊วนต่างๆ ไม่ว่าจะมุ้งเล็ก-มุ้งใหญ่ ที่เคยอยู่กับพรรคการเมือง 'ฝ่ายตรงข้าม' เข้ามาประกอบร่าง-ขึ้นโครงเป็น 'นั่งร้าน' ให้กับ 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่สอง..."
12 ธันวาคม 2568 พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาผู้แทนราษฎร
8 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป
30 วันก่อน 'หย่อนบัตร' เกิดปรากฏการณ์ อดีต สส.รอบล่าสุด นักการเมืองระดับชาติ-ท้องถิ่น ย้ายยกพรรค
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. พ.ศ.2561 มาตรา 41 (3) กำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา 30 วัน (กรณีสภาครบวาระไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง)
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ความเคลื่อนไหวของนักการเมืองทยอยลาออกจากพรรคการเมืองเดิมเพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่มี อดีต สส.-อดีตรัฐมนตรี นักการเมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็น 'บ้านใหญ่-ตระกูลการเมือง' หลั่งไหลเข้าพรรคจำนวนมาก
@ 'ศิลปอาชา-สะสมทรัพย์' มายกพรรค
เริ่มด้วย นักการเมือง 'เลือดสุพรรณ' 10 อดีต สส.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นำโดย 'วราวุธ ศิลปอาชา' ลาออกจาก หัวหน้า ชทพ. เข้าสังกัด ภท. 'ยกพรรค' ประกอบด้วย อดีต สส.สุพรรณบุรี 5 เขต ได้แก่ นายสรทัด สุจิตต์ อดีต สส.เขต 1 ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ อดีต สส.เขต 2 นายนพดล มาตรศรี อดีต สส.เขต 3 นายเสมอกัน เที่ยงธรรม อดีต สส.เขต 4 และ นายประภัตร โพธสุธน อดีต สส.เขต 5
นครปฐม 3 เขต ได้แก่ นายศุภโชค ศรีสุขจร อดีต สส.เขต 1 นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ อดีต สส.เขต 3 และ นายอนุชา สะสมทรัพย์ อดีต สส.เขต 5 กับ ร้อยเอ็ด 1 เขต คือ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ อดีต สส.เขต 1 ร้อยเอ็ด

@ 'กลุ่มบ้านใหม่-สุชาติ' ผนึกกำลัง 'บ้านใหญ่คุณปลื้ม'
อดีต สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นอีก 1 พรรคการเมือง ที่ย้ายเกือบ 'หมดพรรค' นำโดย 'กลุ่มสุชาติ’-สุชาติ ชมกลิ่น' แห่ง 'บ้านใหม่ชลบุรี' เกณฑ์ 'อดีตลูกพรรคลุงตู่-ลูกบ้านบ้านใหม่' ย้ายสำมะโนครัว-ร่วมชายคา 'สีน้ำเงิน' อาทิ นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ 'ร.อ.ธนวัฒน์-ร.ต.อ.สิทธิพัฒน์' 2 พี่น้อง แห่ง 'บ้านใหญ่ภาวสุทธิ์' นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง หรือ 'กำนันเป้า' อดีต สส.เขต 4 ชลบุรี รทสช. นายอนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์ อดีต สส.เขต 5 ชลบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) นางธิวัลรัตน์ 'บ้านใหญ่อังกินันท์' อดีต สส.เขต 1 เพชรบุรี รทสช. จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล อดีต สส.เขต 3 เพชรบุรี รทสช. นายพิพิธ รัตนรักษ์ อดีต สส.เขต 2 สุราษฎร์ธานี รทสช. นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน อดีต สส.เขต 4 สุราษฎร์ธานี รทสช. นายวัชระ ยาวอหะซัน อดีต สส.เขต 1 นราธิวาส รทสช. น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล อดีต สส.เขต 10 นครศรีธรรมราช รทสช. พล.ต.ต.สุรพล บุญมา อดีต สส.เขต 1 นครนายก พท.
ผนึกกำลังกับ 'บ้านใหญ่ชลบุรี' ของ 'บิ๊กแป๊ะ-สนธยา คุณปลื้ม' พร้อมคณะ เช่น นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ อดีต สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พท. นายสงกรานต์ ภาชนะ อดีตผู้สมัคร สส.เขต 7 ชลบุรี พท. (เลือกตั้ง66 ได้อันดับ2 แพ้พรรคประชาชน) นายเชาวลิตร แสงอุทัย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายแมน อินทร์พิทักษ์ อดีตผู้สมัคร สส.เขต 9 ชลบุรี พท. (เลือกตั้ง66 ได้อันดับ2 แพ้พรรคประชาชน) นายพนธกร ใคร่ครวญ อดีตผู้สมัคร สส.เขต 10 ชลบุรี พท. (เลือกตั้ง66 ได้อันดับ2 แพ้ พรรคพลังประชารัฐ)
ซีกอดีต สส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์ รทสช. ที่อยู่ปีกของ 'ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' ซึ่งส่วนใหญ่เกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นตั้งแต่เป็น 'ศิษย์ประชาธิปัตย์' อาทิ นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีต สส.ปาร์ตี้ลิสต์ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต สส.ปาร์ตี้ลิสต์ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ อดีต สส.เขต 4 ราชบุรี นายอนุชา บูรพชัยศรี อดีต สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 'ลูกช้าง-สุพล จุลใส' อดีต สส.เขต 3 ชุมพร 'พี่ชายลูกหมี-ชุมพล จุลใส' นายวิชัย สุดสวาสดิ์ อดีต สส.เขต 1 ชุมพร นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ อดีต แกนนำกปปส. ชุมพร นายพงษ์มนู ทองหนัก อดีต สส.เขต 3 พิษณุโลก น.ส.กานสินี โอภาสรังสรรค์ อดีต สส.เขต 1 สุราษฎร์ธานี นายธานินท์ นวลวัฒน์ อดีต สส.เขต 7 สุราษฎร์ธานี น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ อดีตผู้สมัคร สส.เขต 7 สมุทรปราการ (เลือกตั้ง66 ได้อันดับ2 แพ้พรรคประชาชน)
ก่อนหน้านี้ 'กลุ่มสุชาติ' กับ 'กลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรี' และ 'ขิง-เอกนัฏ' มีเรื่องให้ขัดแย้ง-ไม่ลงรอยกับในทางการเมือง แต่สุดท้ายทั้ง 3 กลุ่ม ก็ต้องมา 'ลงเรือ' ลำเดียวกัน ช่วยกันพายให้กลุ่ม-ก๊วนของตัวเองกลับมาเป็น สส. เพิ่มจำนวนเก้าอี้ สส.ให้กับ ภท.ชนะเลือกตั้งเป็น 'พรรคอันดับ1' - 'อนุทิน' เป็นนายกฯ สมัยที่สอง
ล่าสุด 'สส.แคมป์-กุลวลี' แห่ง 'บ้านใหญ่นพอมรบดี' อดีต สส.ราชบุรี รทสช. มาสมัครเป็น ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 1 ราชบุรี ภท. อีกคน
@ 'กลุ่มอดีต สส.พรรคเก่าแก่' ไม่ยอม 'ตกขบวน'
มากันที่อดีต สส.บ้านใหญ่ 'พรรคเก่าแก่' ที่ไม่ยอม 'ตกขบวน' สลัดเสื้อ 'สีฟ้า' แตกทัพ ไปสวมเสื้อ 'สีน้ำเงิน' โดยเฉพาะอดีต สส.ภาคใต้ เช่น นายสมยศ พลายด้วงและนายสรรเพชญ บุญญามณี อดีต สส.สงขลา นายราชิต สุดพุ่ม อดีต สส.นครศรีธรรมราช นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ อดีต สส.พัทลุง รวมถึงนายสมบัติ ยะสินธุ์ อดีต สส.แม่ฮ่องสอน
รวมถึง 'บ้านใหญ่โล่สถาพรพิพิธ' น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ อดีต สส.ตรัง 'ลูกสสาวโกหนอ-สมชาย' ที่เข้าร่วมกับ ภท. แบบ 'ยกแพค' ทั้ง นายเอกพล ณ พัทลุง นายพิชัย เจริญศิริสุนทร นักการเมืองท้องถิ่น จ.ตรัง

สมทบด้วยกลุ่มอดีต 'คนบ้านป่า' พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ทิ้ง 'ราชสีห์' ไปอยู่ 'นายกฯหนู' นำโดย นายสันติ ปิยะทัต อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ รัฐบาลอนุทิน ประกอบด้วย นายทวี สุระบาล อดีต สส.เขต 2 ตรัง นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ อดีต สส.เขต 2 พังงา นายสุธรรม จริตงาม อดีต สส.เขต 6 นครศรีธรรมราช นายคอซีย์ มามุ อดีต สส.เขต 2 ปัตตานี นายชัยมงคล ไชยรบ อดีต สส.เขต 5 สกลนคร นายวิริยะ ทองผา อดีต สส.เขต 1 มุกดาหาร
@ 'งูเห่าเพื่อไทย' หนีตาย 'คลิปอังเคิล'
ไม่เว้น 'พรรคขั้วตรงข้าม' กับ 'พรรคสีน้ำเงิน' อย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) หนีไม่พ้นที่ต้องได้รับผลกระทบจาก 'คลิปอังเคิล' ที่ก่อนยุบสภาในทาง 'พฤตินัย' ได้แสดงเจตจำนง 'ย้ายพรรค' อย่างชัดเจน 'วางมัดจำ' ด้วยการลงมติเลือกนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 คือ กลุ่มของนายศักดา วิเชียรศิลป์ อดีต สส.กาญจนบุรี และอดีต สส.พท. อีสาน อีกหลายสิบชีวิต เช่น น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีตสส.เขต 7 อุบลราชธานี นายนรากร นาเมืองรักษ์ อดีต สส.เขต 4 ร้อยเอ็ด นายอรรถพล วงษ์ประยูร อดีต สส.เขต 2 สระบุรี นายประเสริฐ บุญเรือง อดีต สส.เขต 6 กาฬสินธุ์ นายกิตติ สมทรัพย์ อดีต สส.เขต 6 ร้อยเอ็ด นายเกรียงไกร กิตติธเนศวร อดีต สส.เขต 2 นครนายก นายโกศล ปัทมะ อดีต สส.เขต 6 นครราชสีมา

ปรากฎการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หากจำกันได้ ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการเลือกตั้งปี 62 ได้ก่อกำเนิด 'พรรคทหาร' ที่ชื่อว่า 'พรรคพลังประชารัฐ' ได้กวาดต้อนนักการเมืองระดับชาติ-นักการเมืองระดับท้องถิ่น รวมถึงอดีตนักการเมืองกลุ่ม-ก๊วนต่างๆ ไม่ว่าจะมุ้งเล็ก-มุ้งใหญ่ ที่เคยอยู่กับพรรคการเมือง 'ฝ่ายตรงข้าม' เข้ามาประกอบร่าง-ขึ้นโครงเป็น 'นั่งร้าน' ให้กับ 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่สอง
ผสมผสานเข้ากับการเดินสายของ 'ทักษิณ ชินวัตร' เมื่อครั้งโบยบินอยู่ในยุทธจักรการเมือง เพื่อ 'กินรวบบ้านใหญ่' แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนทิศ อำนาจเปลี่ยนมือ เหล่าบรรดา 'บ้านใหญ่' หัวหน้าก๊ก-หัวหน้าก๊วน จึงจำใจ 'ตีจาก' ไปหา 'ขั้วอำนาจใหม่'
'อนุทิน' ผู้ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ 'วิชาการเมือง' จาก '2 อดีตนายกฯ' ที่เขาอยู่ร่วมวงโคจรอำนาจกว่า 1 ทศวรรษ ตั้งแต่งดำรงตำแหน่งเป็น 'รมช.พาณิชย์' สมัยรัฐบาล 'ทักษิณสอง' ประกอบกับความเป็น 'นักธุรกิจ' ที่เชี่ยวชาญในการ 'พลิกวิกฤต' จาก 'เพลี่ยงพล้ำ' ให้กลับมามี 'แต้มต่อ'
อย่างน้อยๆ ก็ 2 ครั้งล่าสุด ที่พรรคภูมิใจ 'ชิงลาออก' จาก 'ครม.แพทองธาร' หลังจากถูกปรับออกจากตำแหน่ง 'รมว.มหาดไทย' แต่ทันทีที่ 'คลิปเสียงฮุนเซน' ถูกแพร่กระจายเหมือนเชื้อไวรัส 'อนุทิน' ได้ 'พลิกเกม' เป็นการ 'ถอนตัว' ออกจากการเป็น 'พรรคร่วมรัฐบาล' ก่อนจะยอม 'ทุกเงื่อนไข' ของ 'พรรคส้ม' ก้าวขึ้น 'เก้าอี้เบอร์ 1 ทำเนียบรัฐบาล' ได้สำเร็จ

อีก 1 ครั้ง คือ 'อนุทิน' ต้องเข้า 'มุมอับ' บนเวทีสภา-กลเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อ 'หลังพิงฝา' ถูกบีบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อ 'คำต้องห้าม' ออกจากปาก 'ผู้นำฝ่ายค้าน' จะเพียงขู่คำรามให้สยบยอม หรือ จะขย้ำให้ตายคามือไปพร้อมกับเอ็มโอเอ แต่ 'อนุทิน' ไม่พลาดที่จะฉกฉวยจังหวะ-ใช้โอกาสนั้นในช่วง 'เสี้ยววินาที' ประกาศ 'คืนอำนาจประชาชน' ก่อนจะ 'โยนบาป' ว่า 'ยุบสภา' ตามที่ 'ผู้นำฝ่ายค้านร้องขอ' และใช้เคล็ดวิชา 'ผู้รับเหมา' หาช่องโหว่ของ 'ข้อตกลง-MOA' ว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ผิดเงื่อนไข เพราะการตัดอำนาจ สว. 1 ใน 3 ต้องเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 'ไม่มีในMOA'
บัดนี้ 'อนุทิน' ฝึกวิทยายุทธ์ได้เข้าขั้น 'ทักษิณ+ประยุทธ์' พา 'พรรคสีน้ำเงิน' อัพเกรดเป็น 'พรรคอนุทินพลัส' ที่มีสารพัดกลุ่ม-ก๊วน 'บ้านใหญ่' เป็น 'นั่งร้าน' เจือสมกับ 'กระแสชาตินิยม' เป็น 'ลมใต้ปีก' ให้กับความพยายามสร้างภาพลักษณ์ให้เป็น 'หัวขบวน' ของ 'อนุรักษนิยม' ประจวบเป็นพลังขับเคลื่อนให้กลับมาประจำการทำเนียบรัฐบาล 'สมัยที่สอง' ได้หรือไม่
จากปรากฎการณ์นักการเมือง 'บ้านใหญ่' ไหลหลากเข้าพรรคภูมิใจไทย 'นักวิเคราะห์-เซียนการเมือง' ต่างฟันธง-จรดปากกา 'แทงหวย' ข้าง 'พรรคอนุทิน' ไปแล้วว่า จะเป็น 'พรรคอันดับ1' ชนะเลือกตั้งในครั้งหน้า
ทว่า 8 ก.พ.69 ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน!!!
ที่มาภาพปก-แทรก เนื้อหาอ้างอิงจาก เว็บไซต์พรรคภูมิใจไทยและมติชน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ :
- เส้นตาย 30 วัน ก่อนเลือกตั้ง ภูมิใจไทย เร่ง ‘เกมดูด’ พท.เลือดไหล-ปชป. สส.ลาออกครั้งใหญ่
- เอฟเฟกต์ ‘บ้านใหญ่’ ภูมิใจไทย ซุ่มทำ ‘โพล’ ชี้ขาด ‘ว่าที่ผู้สมัครฯสส.สีน้ำเงิน’ สู้ ‘เลือกตั้ง’

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา