
ร้อง ป.ป.ช. สอบคดีฝ่าฝืนจริยธรรม 'สุชาติ ชมกลิ่น' รมว.ทรัพยากรฯ ให้ 'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร' อดีตขรก.โดนโทษจำคุก 1 ปี นั่งหลังประธานพิธีตัดไม้จันทร์หอม - ด้าน 'เจ้าตัว' แจงทุกคนเข้าร่วมงานได้ เพราะเป็นงานแสดงความจงรักภักดี จนท.ให้นั่งตรงไหนก็นั่ง
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีผู้ร้องเรียนให้ ป.ป.ช. สอบสวนกรณีนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีอนุญาตให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา จากการดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยคมกฤต อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรีโดยมิชอบ เข้าร่วมพิธีและตัดไม้จันทร์หอมในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยจัดที่นั่ง นายชัยวัฒน์ ในมณฑลพิธีในสัดส่วนผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นบริเวณหลังประธานในพิธีนั่งเพื่อเตรียมประกอบพิธีกรรม ไม่ได้นั่งรวมอยู่กับภาคประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งการกระทำของ นายสุชาติ อาจถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ ยังมีการร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบค่าใช้การเดินทางไปร่วมงานครั้งนี้ ของ นายชัยวัฒน์ ว่ามาจากงบราชการหรือเป็นงบส่วนตัว เนื่องปัจจุบัน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีคำสั่งไล่ออกจากราชการ นายชัยวัฒน์ ไปแล้ว ไม่มีสิทธิที่จะเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางในฐานะข้าราชการได้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนกันยายน 2568 ปรากฏข่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น มีการตั้งนายชัยวัฒน์ ร่วมเป็นคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ด้วย การเดินทางไปร่วมพิธีและตัดไม้จันทร์หอมดังกล่าว อาจไปในนามคณะทำงานของนายสุชาติก็ได้
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังนายสุชาติ และนายชัยวัฒน์ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงจากกรณีข้างต้น

@ นายสุชาติ ชมกลิ่น
นายสุชาติ กล่าวว่า "กรมอุทยานฯ (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) เชิญให้ผมไปมาร่วมงานนี้ ผมก็ไปเพราะถูกอุทยานเชิญ จริง ๆ เป็นเรื่องของสำนักพระราชวัง กรมอุทยานฯ และกระทรวงวัฒนธรรมที่ทำร่วมกัน ประชาชนแถวนั้นก็ไปร่วมงานได้"
"ข้อเท็จจริงคือ หัวหน้าหลักคือผู้แทนพระองค์มาทำพิธีการตัดไม้จันทร์หอมที่ยืนต้นตาย กรมอุทยานฯ เป็นเจ้าของพื้นที่ มีอธิบดีกรมศุลกากร แล้วก็มี น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีกระทรวงว่าการกระทรวัฒนธรรมรวมถึงผมเข้าร่วมงาน ส่วนเรื่องที่นั่งของนายชัยวัฒน์นั้น ผมไม่ใช่คนจัดงาน ผมยังไม่รู้ว่าได้นั่งตรงไหน เขาชี้ให้นั่งก็นั่ง"
เมื่อถามว่า นายชัยวัฒน์ เข้าร่วมงานในฐานะใด
นายสุชาติ ตอบว่า นายชัยวัฒน์ไม่ได้ถูกเชิญมาร่วมงาน เพราะงานนั้นทุกคนสามารถมาร่วมงานได้ เพราะเป็นงานแสดงความจงรักภักดี ประชาชนทุกคนที่มาแสดงความจงรักภักดีก็มาร่วมได้

@ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร
ด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวชี้แจงว่า "ผมไม่ทราบว่ามีคนไปร้องเรียน ไปไม่ได้หรือ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาห้ามไปหรือ ส่วนข้อเท็จจริงนั้นที่ไปเพราะผมเป็นคนที่อยู่ตั้งแต่ยุคสำรวจไม้จันทร์หอม เราก็สำรวจมาตลอด เราก็รู้ข้อมูลเดิม ผมไม่เห็นว่าจะเกี่ยวข้องยังไง"
"ส่วนเรื่องที่ผมถูกศาลพิพากษาจำคุก 1 ปีนั้น แล้วโทษฐานผมเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือ ถ้าผมไปแล้วไม่เหมาะ ถ้าผมถูกพิพากษาว่าหมิ่นสถาบันแล้วไปนั่งประเจิดประเจ้อก็ค่อยว่ากัน แต่ผมนับถือสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด แล้วคดีที่ผมโดนก็ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น คดียังไม่ถึงที่สุด คดีอยู่ในศาลชั้นต้น ผมก็มีสิทธิ์อุทธรณ์ ผมเป็นคนเก่าคนแก่ที่รู้ข้อมูลไม้จันทร์หอมที่ยืนต้นตาย"
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ไปในฐานะคณะทำงานของนายสุชาติ เรื่องที่ได้นั่งหลังประธานนั้น ทางงานจัดให้นั่งตรงนั้นก็นั่ง ไม่เห็นว่ามีอะไร ไปร่วมงานพิธีตัดไม้จันทร์หอมในฐานะอดีตข้าราชการที่เคยทำงานที่นั่น และก็อยู่ที่เพชรบุรี พอมีคนมาถามว่าไปงานนี้ไหม ก็ตอบว่าไป ส่วนเรื่องค่าเดินทางนั้น เดินทางเอง ก็จ่ายเองไม่ได้เบิกจากทางราชการเพราะไม่ได้เป็นข้าราชการแล้ว
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบเบื้องต้น ของ ป.ป.ช. นั้น คดีที่มีการร้องเรียนกล่าวหา เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้รับเรื่องไว้ตรวจสอบเบื้องต้น ทางสำนักที่มีหน้าที่ในการดำเนินการ เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาไต่สวนให้ได้ข้อมูลประมาณ 70 - 80% ถ้าเห็นว่า ข้อมูลเพียงพอก็จะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งคณะขึ้นมาไต่สวน ถ้าเป็นเรื่องสำคัญมีระดับรัฐมนตรี หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องมีกรรมการ ป.ป.ช. อย่างน้อยสองคนเป็นองค์คณะ หรือถ้าเรื่องสำคัญมาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะจะเป็นองค์คณะไต่สวนเอง ทั้งนี้ในการไต่สวนสามารถใช้ข้อเท็จจริงที่ได้จากตรวจสอบเบื้องต้นมาใช้ในสำนวนได้ด้วย
ถ้าการไต่สวน เห็นว่าข้อกล่าวหามูลก็จะแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและชี้แจงข้อกล่าวหา จากนั้นจะสรุปสำนวนเพื่อชี้มูลความผิดต่อไป อย่างไรก็ดี กรณีนี้ ยังไม่มีข้อมูลว่า ป.ป.ช.จะรับเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นหรือไม่
หมายเหตุ : ภาพปกข่าวจากเฟซบุ๊กกรมอุทยานแห่งชาติและพันธุ์พืช
อ่านประกอบ :

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา