
ปปง.ตามอายัดเงินได้ 7 หมื่นบาท คดีกลุ่มบุคคลลักลอบตัดหินในอุทยานฯเขาสามร้อยยอดขายเป็นเครื่องประดับนักท่องเที่ยวพัวพันคดียาเสพติดรายใหญ่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 299/2568 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายวินัย กับพวก (นายสายัณห์ และนายกิตติศักดิ์) ในคดีลักลอบตัดหินในเขตอุทยานแห่งชาติและพัวพันคดียาเสพติดรายใหญ่
โดยมีพฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2566 กลุ่มผู้ต้องหาได้ลักลอบตัดหินบริเวณเขาถ้ำมังกร ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อนำไปแปรรูปเป็นเครื่องประดับขายนักท่องเที่ยว ต่อมาในระหว่างประกันตัว นายสายัณห์ และนายกิตติศักดิ์ ได้ร่วมกับพวกวางแผนลำเลียงยาเสพติด จนถูกจับกุมได้ที่ด่านตรวจห้วยไร่ จังหวัดแพร่ พร้อมของกลางยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) จำนวน 1,000,000 เม็ด เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 ซึ่งศาลจังหวัดแพร่ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตนายสายัณห์และพวกในเวลาต่อมา
ทรัพย์สินที่ ปปง. มีคำสั่งอายัด จำนวน 2 รายการ เป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน ในชื่อนายสะกล และนางสาวจิตตกาญจน์ รวมจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 72,559.50 บาท
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมมีรายละเอียด ดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรสามร้อยยอด ตามหนังสือ ที่ ตช ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2567 เรื่อง ส่งข้อมูลการดำเนินคดีอาญาที่ ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด พบกลุ่มบุคคลลักลอบตัดหินบริเวณเขาถ้ำมังกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับกุมผู้ต้องหาได้รวม 7 ราย พร้อมหินของกลาง 7 ก้อน ต่อมาศาลจังหวัดหัวหินพิพากษาลงโทษจำคุก 5 เดือน ปรับ 2,500 บาท (รอลงอาญา 2 ปี) และให้ชดใช้ค่าเสียหาย 42,000 บาท อย่างไรก็ตาม นายสายัณห์ และนายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้หลบหนีระหว่างประกันตัวไปร่วมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับรถลำเลียงยาเสพติดได้ที่จังหวัดแพร่ พบยาบ้า 1,000,000 เม็ด พนักงานสอบสวนจึงสั่งฟ้องในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดเพื่อการค้าและมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม ต่อมาศาลจังหวัดแพร่พิพากษาประหารชีวิตนายสายัณห์และพวก (ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตเนื่องจากรับสารภาพ) อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (1) และ (15) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายสายัณห์ ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมาย ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 13/2568 วันที่ 2 ธันวาคม 2568 มีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง
จากการตรวจสอบปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า นายสายัณห์ มีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐาน และได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 2 รายการ เนื่องจากทรัพย์สินเป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันสามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 13/2568 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว พร้อมดอกผล จำนวน 2 รายการ มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2569 โดยมีรายการทรัพย์สินที่อายัดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินแนบท้ายคำสั่งนี้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา