
"...จากการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ยังพบว่า นางสาวน้ำทิพย์ แท่นทอง มีชื่อเป็นผู้จดทะเบียนพาณิชย์ ร้านพิมลราชพาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและวัสดุสำนักงาน ตามสำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ นางสาวน้ำทิพย์เป็นภรรยาของ นายอร่าม มามีเกตุ หลานจำเลยที่ 1 และในช่วงเกิดเหตุนายอร่ามเป็นพนักงานขับรถขององค์การ บริหารส่วนตำบลพิมลราช ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราช เคยออกเช็คแล้วแก้ไขชื่อผู้รับเงินเป็นนายอร่ามหลายครั้งและนายอร่ามนำเช็ค ไปเรียกเก็บเงินแล้วถอนเงินออกมาในลักษณะเดียวกับนางขวัญฤทัย ด้วย ..."
กรณี นายลำพอง นามพันธ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีกล่าวหาทุจริตหลายคดี พร้อมส่งสำนวนไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน ไปให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฏหมาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในคดีกล่าวหาเบิกจ่ายเงินค่าจ้างและค่าวัสดุครุภัณฑ์โครงการต่างๆ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับเงินตามเช็คโดยมิชอบ
จากเดิมที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า นายลำพอง นามพันธ์ มีความผิดตามกฏหมาย ลงโทษจำคุก 6 กระทง รวม 6 ปี ปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา
แก้เป็น มีความผิดรวม 6 กระทง จำคุก 30 ปี ไม่รอการลงโทษ
โดยคดีนี้นับเป็นคดีแรก ที่ นายลำพอง นามพันธ์ ถูกสั่งลงโทษจำคุก ไม่รอลงอาญา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดและถูกศาลพิพากษาตัดสินไปแล้ว จำนวน 4 คดี คดีแรก โทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ได้รอลงอาญา 2 ปี , คดีสอง จำคุก 6 ปี ได้รอลงอาญา 2 ปี , คดีสาม ได้ยกฟ้อง , คดีที่สี่ ได้ยกฟ้อง

- พิพากษาแก้! ให้ลงโทษจำคุก 30 ปี ไม่รอลงอาญา อดีตนายก อบต.พิมลราช - พวกโดนคนละ 50
- วิบากกรรมทุจริต: อดีตนายก อบต.พิมลราช รอดคุกมาตลอด ก่อนโดนโทษคดีที่ห้า 30 ปี
ในตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำรายละเอียดบ้างส่วนในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ให้ลงโทษ จำคุก 30 ปี นายลำพอง นามพันธ์ ไม่รอการลงโทษ มานำเสนอไปแล้ว
ในคำพิพากษาาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว มีการระบุพฤติการณ์การทุจริตในคดีนี้เอาไว้ ว่า
คดีนี้ นายลำพอง นามพันธ์ อดีตนายก อบต.พิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จำเลยที่ 1 นายวิรัติ ปีดแก้ว ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราช จำเลยที่ 2 นางสาวจรรยา ชาญวิชัย หัวหน้าส่วนการคลัง จำเลยที่ 3
ในเดือนกรกฎาคม 2551 จำเลยที่ 1 พ้นวาระการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราช จำเลยที่ 2 จึงปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 จำเลยที่ 2 ที่ 3 และนาย ศ. (ชื่อย่อ) หัวหน้าส่วนสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม มีอำนาจสั่งจ่ายและเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝาก รวมทั้งออกเช็คเพื่อชำระหนี้
ในช่วงเดือนเมษายน ถึง มิถุนายน 2551 องค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราช ออกเช็คธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบางบัวทอง จำนวน 10 ฉบับ เพื่อชำระเงินโครงการต่างๆ แล้วจำเลยที่ 2 ที่ 3 และนาย ศ. ร่วมกันลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขชื่อผู้รับเงินในเช็คเป็นนาง ข. จากนั้น นาง ข. นำเช็คทั้ง 10 ฉบับ ไปเรียกเก็บเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแล้วถอนเงินตามจำนวนที่ระบุในเช็ค ตามสำเนาใบฝากเงินและสำเนาใบถอนเงิน
ต่อมาสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 3 ตรวจสอบสืบสวนเรื่องร้องเรียนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่ามีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต กรณีการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้าง ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราชแห่งใหม่ ในปี 2549 และโครงการถมดินเพื่อก่อสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราชแห่งใหม่ ในปี 2551 และได้ตรวจสอบหลักฐานการเบิกเงินค่าใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ 10 รายการ พบว่า มีการแก้ไขชื่อผู้รับเงินตามเช็คเป็นชื่อนาง ข. แล้ว ซึ่งจำเลยทั้งสามและนาย ศ. ลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขดังกล่าวด้วย
โดยในเช็คแต่ละฉบับจะมีผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อฉบับละ 3 คน หลังจากนั้น นำเช็คเข้าบัญชีเงินฝากนาง ข. ทั้งหมดและนาง ข. ถอนเงินสดออก ในวันเดียวกัน
พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าเป็นการทุจริต

คราวนี้ มาดูรายละเอียดเช็คทั้ง 10 ฉบับ ที่ถูกระบุถึงกันบ้าง?
ข้อมูลเช็คทั้ง 10 ฉบับ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
@ ส่วนแรก มี 6 ฉบับ ได้แก่
- ฉบับที่ 1 เลขที่ 0571105 ลงวันที่ 10 เมษายน 2551 จำนวน 99,000 บาท ให้ร้านไพโรจน์การค้า ชำระค่าจ้าง เหมาทำของที่ระลึก โครงการสืบสานประเพณีสงกรานต์ ปี 2551
- ฉบับที่ 2 เลขที่ 0571106 ลงวันที่ 10 เมษายน 2551 จำนวน 89,100 บาท ให้นายนัทพร ดำขำ เพื่อชำระค่าจ้างเหมาเช่าเวที โครงการสืบสานประเพณีสงกรานต์ ปี 2551
- ฉบับที่ 3 เลขที่ 0571107 ลงวันที่ 9 เมษายน 2551 จำนวน 47,520 บาท ให้นายสมศักดิ์ รื่นเสือ เพื่อชำระค่าจ้างเหมาเช่าเต็นท์ 96 หลัง โครงการสืบสานประเพณีสงกรานต์ ปี 2551
- ฉบับที่ 4 เลขที่ 0571108 ลงวันที่ 9 เมษายน 2551 จำนวน 89,100 บาท ให้นายเยิ้ม ภู่เหมือน เพื่อชำระค่าจ้างเหมาเช่า เครื่องเสียงและอุปกรณ์ตกแต่งประดับไฟฟ้า โครงการสืบสานประเพณีสงกรานต์ ปี 2551
- ฉบับที่ 5 เลขที่ 0572862 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2551 จำนวน 12,078 บาท ให้นายสุวิทย์ นาทอง เพื่อชำระค่าจ้างเหมาถ่ายเอกสาร ประกอบการอบรมโครงการมุสลิมสัญจร ปี 2551 และค่าจ้างเหมาถ่ายเอกสาร คู่มือที่ใช้ในการฝึกอบรม
- ฉบับที่ 6 เลขที่ 0572863 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2551 จำนวน 2,376 บาท ให้ร้านพิมลราชพาณิชย์ เพื่อชำระค่าซื้อวัสดุเครื่องเขียน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกอบรม
ในคำพิพากษาระบุว่า เช็คทั้ง 6 ใบข้างต้น จำเลยทั้งสามร่วมกันลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขชื่อผู้รับเงินในแต่ละฉบับ เป็นนางขวัญฤทัย ทองนพเก้า เจ้าหน้าที่พัสดุ องค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราช
@ ส่วนสอง 4 ฉบับ
ต่อมาในเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน 2551 จำเลยที่ 2 ที่ 3 และนายศ . ร่วมกัน ลงลายมือชื่อในเช็ค 4 ฉบับ ได้แก่
- ฉบับที่ 1 เลขที่ 1063864 ลงวันที่ 19 กันยายน 2551 จำนวน 60,637.50 บาท ให้ร้านพิมลราชพาณิชย์ เพื่อชำระค่าซื้อวัสดุและ อุปกรณ์เพื่อใช้ในโครงการอบรมสัมมนาและทัศนศึกษาดูงานสำหรับพนักงานส่วนตำบลพิมลราช
- ฉบับที่ 2 เลขที่ 1063865 ลงวันที่ 19 กันยายน 2551 จำนวน 43,065 บาท ให้นางเพ็ญนภา อีสมาแอล เพื่อชำระค่าจ้างเหมา ทำอาหารว่างพร้อมเครื่องดื่มโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยโรคเอดส์ ในงวดที่ 2 ประจำปี 2551
- ฉบับที่ 3 เลขที่ 1063930 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2551 จำนวน 452,034 บาท ให้นางสาวทัศนีย์ ชมดง เพื่อชำระค่าจัดซื้อทราย 73 เที่ยว และกระสอบบรรจุทราย 20,000 ใบ เพื่อใช้ บรรเทาปัญหาด้านที่อยู่อาศัยของผู้ประสบอุทกภัย
- ฉบับที่ 4 เลขที่ 1063931 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2551 จำนวน 569,151 บาท ให้นายฉัตรชัย ทามี เพื่อชำระค่าจ้างทำเขื่อนกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ 10 จุด และสะพานทางเท้า 1 จุด
แล้วจำเลยที่ 2 ที่ 3 และนาย ศ. ร่วมกัน ลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขชื่อผู้รับเงินในเช็คเป็นนางขวัญฤทัย จากนั้น นางขวัญฤทัยนำเช็คทั้ง 10 ฉบับ ไปเรียกเก็บเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแล้วถอนเงินตามจำนวนที่ระบุในเช็ค ตามสำเนาใบฝากเงินและสำเนาใบถอนเงิน
ต่อมาสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 3 ตรวจสอบสืบสวนเรื่องร้องเรียนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่า มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต กรณีการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้าง ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราชแห่งใหม่ ในปี 2549 และโครงการถมดินเพื่อก่อสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราชแห่งใหม่ ในปี 2551 และได้ตรวจสอบหลักฐานการเบิกเงินค่าใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ 10 รายการ พบว่า มีการแก้ไขชื่อผู้รับเงินตามเช็คเป็นชื่อนางขวัญฤทัยแล้ว จำเลยทั้งสามและนาย ศ. ลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขดังกล่าวด้วย โดยในเช็คแต่ละฉบับจะมีผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อฉบับละ 3 คน
หลังจากนั้น นำเช็คเข้าบัญชีเงินฝากนางขวัญฤทัยทั้งหมดและนางขวัญฤทัยถอนเงินสดออก ในวันเดียวกัน พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าเป็นการทุจริต
ขณะที่จากการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ยังพบว่า นางสาวน้ำทิพย์ แท่นทอง มีชื่อเป็นผู้จดทะเบียนพาณิชย์ ร้านพิมลราชพาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและวัสดุสำนักงาน ตามสำเนาใบทะเบียนพาณิชย์
นางสาวน้ำทิพย์เป็นภรรยาของ นายอร่าม มามีเกตุ หลานจำเลยที่ 1 และในช่วงเกิดเหตุนายอร่ามเป็นพนักงานขับรถขององค์การ บริหารส่วนตำบลพิมลราช
ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลพิมลราช เคยออกเช็คแล้วแก้ไขชื่อผู้รับเงินเป็นนายอร่ามหลายครั้งและนายอร่ามนำเช็ค ไปเรียกเก็บเงินแล้วถอนเงินออกมาในลักษณะเดียวกับนางขวัญฤทัย ด้วย
**********
ทั้งหมดนี้ เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คทั้ง 10 ใบ ในคำพิพากษศาลอุทธรณ์ ที่พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ให้ลงโทษ จำคุก 30 ปี ไม่รอการลงโทษ นายลำพอง นามพันธ์ ส่วนพวกอีก 2 รายก็ได้รับโทษด้วยคนหลายสิบปี ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบล่าสุด
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา