
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ดังนี้
1.สถิติวันศุกร์ที่ 24 เม.ย.2563 (เวลา 14.00 น.)
- ยอดผู้ป่วยติดเชื้อจากการตรวจ Test PCR จำนวน 122,577 ราย (เพิ่มขึ้น 1,773 ราย) ซึ่งรวมผู้ที่พบการติดเชื้อจากการตรวจ test PCR ในบ้านพักคนชรา 27,880 รายแล้ว แต่ไม่รวมผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อแต่มิได้ทำการตรวจ test
- รักษาอยู่ที่ รพ. 28,658 ราย โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 1,346 ราย นับเป็นวันที่ 10 ติดต่อกันที่มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวที่ รพ. น้อยลง (561 ราย) และรักษาหายออกจาก รพ. แล้ว 43,493 ราย (เพิ่มขึ้น 1,405 ราย)
- อาการหนัก 4,870 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 155 ราย นับเป็นวันที่ 16 ติดต่อกันที่ยอดรวมของผู้ป่วยอาการหนักลดลงจากวันก่อนหน้า (จำนวน 183 ราย)
- เสียชีวิตที่ รพ. 13,852 ราย (เพิ่มขึ้น 305 ราย) เสียชีวิตที่บ้านพักคนชราและที่ศูนย์การแพทย์สังคม (établissements médico-sociaux) 8,393 ราย (เพิ่มขึ้น 84 ราย)
**รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 22,245 ราย (เพิ่มขึ้น 389 ราย)**
อนึ่ง พบว่ามีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าปกติในฝรั่งเศสในสัปดาห์ที่ 16 ของปี (13-19 เม.ย.) ร้อยละ 24 โดยเฉพาะที่แคว้น Centre Val de Loire, Île de France, Grand Est, Auvergne Rhône-Alpes, Bourgogne Franche-Comté และ Hauts de France
2. การผ่อนปรนมาตรการในธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร
เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2563 ประธานาธิบดีฝรั่งเศส พร้อมทั้ง รมต.ที่เกี่ยวข้อง (รมว.เศรษฐกิจและการคลัง/ รมว.งบประมาณแผ่นดิน/ รมว. และ รมช. ก.ต่างประเทศ)ได้หารือทาง vdo conference กับผู้แทนผู้ประกอบการสาขาร้านอาหาร โรงแรมและการท่องเที่ยว รวมทั้งเชฟชื่อดัง 5 ราย (นาย Philippe Etchebest, นาย Alain Ducasse, นาย Guy Savoy, นาง Hélène Darroze และนาย Michel Sarran) เพื่อหารือถึงแนวทางผ่อนปรนมาตรการให้สามารถเปิดให้บริการได้อีกครั้ง รวมถึงมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล สรุปดังนี้
2.1 ประธานาธิบดี กล่าวว่า ธุรกิจการท่องเที่ยว การโรงแรม และร้านอาหาร เป็นสาขาที่จำเป็นของเศรษฐกิจฝรั่งเศสเนื่องจากแสดงให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม การเข้าสังคม ศิลปะการรับประทานอาหาร และวิถีชีวิตของชาวฝรั่งเศส แต่ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ยังคงไม่แนะนำให้มีการใช้บริการเป็นระยะเวลานานตามร้านอาหาร หรือคาเฟ่ ซึ่งรัฐบาลจะหาทางช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายประจำของผู้ประกอบการที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ และจะมีมาตรการช่วยเหลือต่อไปสำหรับช่วงแรกที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเนื่องจากคงจะยังไม่สามารถทำรายได้ได้เท่าเดิม รวมทั้งจะต้องหาแนวปฏิบัติทางสาธารณสุขที่ชัดเจนเพื่อป้องกันพนักงานและลูกค้าไม่ให้ติดเชื้อไวรัสฯ ด้วย
2.2 ภายหลังการหารือ รัฐบาลได้แถลงเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อผู้ประกอบการสาขาการการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร การกีฬา การจัด event และวัฒนธรรม ดังนี้
- การขยายมาตรการ chômage partiel ให้ครอบคลุมระยะเวลาช่วงหลังเปิดให้บริการแล้วด้วย
- ให้ผู้ประกอบการสามารถขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือ (fonds de solidarité) ได้ แม้กระทั่งหลังเดือน พ.ค. ไปแล้ว โดยจะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ว่าจ้างพนักงานไม่เกิน 20 คน และมีรายได้ไม่เกิน 2 ล้านยูโรต่อปี พร้อมทั้งเพิ่มเพดานจำนวนเงินช่วยเหลือเป็น 10,000 ยูโร (จากเดิมไม่เกิน 5,000 ยูโร)
- ให้ยกเว้นการชำระเงินสมทบประกันสังคมสำหรับ บ. ขนาดเล็กมาก (très petites entreprises-TPE) และ บ. SMEs (PME) ในช่วงที่ต้องปิดให้บริการระหว่างเดือน มี.ค. - มิ.ย. โดยจะเป็นการยกเว้นให้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าบริษัทจะได้ชำระเงินสมทบประกันสังคมแล้วหรือไม่ก็ตาม และสำหรับ บ. ขนาดกลาง (entreprises de taille intermédiaire-ETI) และ บ. ขนาดใหญ่ จะไม่ได้รับการยกเว้นการชำระเงินสมทบประกันสังคมโดยอัตโนมัติ แต่สามารถร้องขอให้ทยอยชำระเงินสมทบประกันสังคมและภาษีได้ และสามารถขอให้พิจารณายกเลิกหนี้สินได้เป็นรายกรณี
- รัฐบาลจะหารือกับองค์กรท้องถิ่นเกี่ยวกับรูปแบบและการดำเนินการของการเลื่อนชำระเงินสมทบประเภท cotisation foncière des entreprises (CFE) และการยกเว้นการชำระ stay tax (taxe de séjour) แบบเหมาจ่าย สำหรับปี 2563
- ให้ยกเว้นค่าเช่าและค่าธรรมเนียมอาคารพาณิชย์ที่รัฐถือกรรมสิทธิ์ให้แก่ บ. TPE และ PME ตลอดช่วงระยะเวลาที่ไม่สามารถเปิดทำการได้ และจะเผยแพร่แนวปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวให้แก่องค์กรท้องถิ่นที่ประสงค์ยกเว้นค่าเช่าและค่าธรรมเนียมด้วย
2.3 นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังพิจารณาจัดตั้งกองทุนการลงทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในสาขานี้ และอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการเพิ่มเติมร่วมกับผู้ประกอบการ รวมทั้งจะผลักดันให้มีความช่วยเหลือในระดับอียูด้วย ซึ่งรัฐบาลจะหารือกับผู้ประกอบการอีกครั้งในวันที่ 14 พ.ค.2563 เพื่อแจ้งความคืบหน้าของการดำเนินการต่าง ๆ
3. การผ่อนปรนให้เปิดร้านขายผ้าและสิ่งทอ
เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2563 รัฐบาลได้ออกกฤษฎีกา ที่ 2020-466 แก้ไขเพิ่มเติมกฤษฎีกา ที่ 2020-293 ลว. 23 มี.ค.2563 อนุญาตให้ร้านขายผ้าและสิ่งทอสามารถเปิดให้บริการได้ (Commerce de détail de textiles en magasin spécialisé) เพื่อเตรียมการให้ประชาชนและร้านค้าสามารถหาซื้อผ้าเพื่อผลิตหน้ากากกันละอองน้ำลายแบบซักทำความสะอาดได้ก่อนวันที่ 11 พ.ค.2563
4. การทยอยเปิดสถานศึกษาในวันที่ 11 พ.ค.2563
นสพ. Le Figaro และสื่อ Franceinfo ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการทยอยเปิดสถานศึกษาในวันที่ 11 พ.ค. (โดยสถาบัน Odoxa-Dentsu Consulting ระหว่างวันที่ 22 - 23 เม.ย.) พบว่า
4.1 ผู้ปกครองร้อยละ 67 ไม่เห็นด้วยกับการเปิดสถานศึกษา และร้อยละ 64 จะไม่ส่งบุตรกลับไปสถานศึกษาในวันที่ 11 พ.ค. โดยร้อยละ 60 เชื่อว่าการตัดสินใจเปิดสถานศึกษามีเหตุผลจากความต้องการให้ผู้ปกครองสามารถกลับไปทำงานและเริ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ และเพียงร้อยละ 20 เชื่อว่าเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลเพื่อประสงค์ให้ความช่วยเหลือทางสังคมแก่ นร. ที่ไม่สามารถติดตามการเรียนการสอนทางไกลได้
4.2 แม้ว่าร้อยละ 72 จะเห็นด้วยกับการจำกัดจำนวน นร.ให้ไม่เกิน 15 คนต่อชั้นเรียน แต่ร้อยละ 58 เชื่อว่า สถานศึกษาจะไม่สามารถจำกัดจำนวน นร. ได้จริง และร้อยละ 55 เชื่อว่าสถานศึกษาจะไม่สามารถทำตามแนวปฏิบัติทางสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ได้
4.3 นอกจากนั้น สหภาพแรงงาน CGT ก็ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการเปิดสถานศึกษาในวันที่ 11 พ.ค. โดยเห็นว่าควรทยอยเปิดในเดือน ก.ย. มากกว่าถึงแม้ว่าการส่งบุตรไปยังสถานศึกษาจะอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจก็ตาม โดยเกรงว่าผู้ปกครองอาจได้รับแรงกดดันจากนายจ้างให้ต้องส่งบุตรกลับไปสถานศึกษาเพื่อให้สามารถกลับไปทำงานได้ มากกว่าที่จะเป็นการตัดสินใจของผู้ปกครองเองอย่างแท้จริง
5. การเตรียมแผนคมนาคม
รมช.คมนาคมได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ช่อง BFM เกี่ยวกับแผนการให้บริการทางคมนาคมหลังวันที่ 11 พ.ค. ว่า
5.1 กำลังศึกษาการให้บริการระบบขนส่งมวลชนในแต่ละแคว้นเพื่อให้สามารถให้บริการได้เพียงพอในวันที่ 11 พ.ค. โดยสำหรับแคว้น Ile-de-France ปัจจุบันมีรถไฟใต้ดินและรถเมล์ให้บริการร้อยละ 30 สำหรับผู้ใช้บริการร้อยละ 4 ของจำนวนผู้ใช้บริการยามปกติ จึงกำลังวางแผนให้สามารถให้บริการได้ถึงร้อยละ 70 และร้อยละ 100 สำหรับรถไฟใต้ดินสาย 1 และ 14 ซึ่งเป็นสายอัตโนมัติ โดยเห็นว่าหากสามารถให้รถไฟหรือรถเมล์ให้บริการจำนวนเที่ยวมากพอในขณะที่ประชาชนส่วนมากยังทำงานจากที่พัก ก็จะช่วยให้สามารถรักษาระยะห่างระหว่างกันได้ดีมากยิ่งขึ้น
5.2 จะสามารถเพิ่มการให้บริการของรถไฟ TGV เป็นร้อยละ 50 ได้ (ปัจจุบันให้บริการร้อยละ 6) ซึ่งเริ่มมีการสำรองที่นั่งใน TGV เพิ่มมากขึ้นแล้ว คาดว่าส่วนมากเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้เลือกเดินทางไปยังเมืองอื่นเพื่อกักตัวในที่พักสำรองและจำเป็นต้องวางแผนเดินทางกลับในปัจจุบัน
5.3 ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการวางแผนให้สนามบิน Orly กลับมาเปิดให้บริการในวันที่ 11 พ.ค. และให้ความมั่นใจว่ากำลังหาแนวทางเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามแนวปฏิบัติทางสาธารณสุขให้ได้ดีมากที่สุดในระบบคมนาคม
6. การใช้สารนิโคตินเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส
หลังจากมีการเผยแพร่ข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการใช้สารนิโคตินป้องกันการติดเชื้อไวรัส covid-19 ซึ่ง ก.สาธารณสุขได้แจ้งเตือนไม่ให้ประชาชนใช้สารนิโคตินเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวเนื่องจากยังไม่มีการยืนยันผลการศึกษา (รพ. La Pitié Salpêtrière กรุงปารีส กำลังทำการทดสอบอยู่) และอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้มากกว่า นั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 24 เม.ย. รัฐบาลได้ตัดสินใจออกกฎกระทรวงจำกัดการขายสารนิโคตินในทุกรูปแบบในร้านขายยา โดยให้สามารถขายได้ในปริมาณเพียงพอสำหรับการรักษาอาการขาดสารนิโคติน (กรณีงดการสูบบุหรี่) เป็นระยะเวลา 1 เดือนเท่านั้น จนถึงวันที่ 11 พ.ค. และให้ระงับการขายออนไลน์ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา