11 ต.ค.65 มีข่าวดังที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากมีตำรวจไปขอค้นบ้านภรรยาของผู้ต้องหาคดีความมั่นคง แล้วไปเจอเด็กน้อย เป็นทารกวัย 10-11 เดือน ก็ขอเก็บ DNA แต่แม่เด็กไม่ยอม ผลก็คือ ถูกเชิญตัวไปโรงพัก และเปรยว่า “หลังจากนี้จะไปเยี่ยมที่บ้านบ่อยๆ”
หลังเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพราะพฤติกรรมลักษณะนี้ของเจ้าหน้าที่ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะการไปเยี่ยมบ้านภรรยา หรือครอบครัวของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่หลบหนีอยู่ แม้จะไปพูดจาดีๆ แต่ก็มีอาวุธครบมือ แต่งเครื่องแบบ และไปกันคราวละหลายคน รวมทั้งเข้าค้นบ้าน รื้อค้นสิ่งของ ทั้งๆ ที่ตัวผู้ต้องหาคดีความมั่นคงหนีไปนานแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ยังแวะเวียนกลับมา เพราะภรรยาของผู้ต้องหาเหล่านี้ ตั้งครรภ์อยู่บ่อยๆ
ที่ผ่านมาเคยมีการไปตรวจค้นบ้าน จนทำให้ภรรยาที่มีลูกเล็กๆ เครียด ถึงขั้นกรีดร้อง มีการถ่ายคลิปออกมาแฉก็เคยมีมาแล้ว (เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส)
@@ เปิดคำชี้แจงฝั่งเจ้าหน้าที่
“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ได้ข้อมูลแบบนี้
- เจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจค้น เป็นชุดของตำรวจภูธรภาค 9
- บ้านที่ไปค้น เป็นบ้านภรรยาของ นายอาหามะ ยะกี อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง เป็นชาว อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหลบหนี
- เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เข้าทลายฐานพักของกลุ่มก่อความไม่สงบบนภูเขา มีการยิงปะทะกัน ในพื้นที่ ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส แต่กลุ่มก่อความไม่สงบหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐาน DNA ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นของ นายอาหามะ ยะกี
- 11 ต.ค. เจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้าน นางสาว อาเเอเซ๊าะ เพราะทราบว่าเป็นภรรยาของนายอาหามะ ยะกี โดยได้เเต่งงานกันเมื่อประมาณ 2 ปีที่เเล้ว มีลูกด้วยกันจำนวน 1 คน เป็นเด็กชาย อายุประมาณ 11 เดือน แต่ฝ่ายหญิงเเจ้งว่า นายอาหมะ ยะกี ผู้เป็นสามี ไม่ได้กลับบ้านนานเเล้ว ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่จึงสงสัยว่าให้การไม่ตรงกับความจริงหรือไม่ เพราะมีลูกเล็ก วัยแค่ 11 เดือน
- เหตุการณ์ต่อจากนั้น ตรงกับที่เป็นข่าวไปแล้ว คือมีการเชิญไปโรงพัก และพยายามขอเก็บ DNA จากทารก แต่ฝ่ายแม่เด็กไม่ยินยอม
- ข้อมูลที่เพิ่มเติมคือ นางสาว อาแอเซ๊าะ ยอมรับว่า ได้ติดต่อกับ นายอาหามะ ยะกี เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านทางโทรศัพท์ เเต่เจ้าตัวอ้างว่าโทรศัพท์พังไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเก็บข้อมูลคนในบ้าน และเบอร์โทรศัพท์เพื่อขยายผลต่อไป
- เจ้าหน้าที่มองว่า นางสาว อาแอเซ๊าะ ปกปิดข้อมูล เพราะระหว่างที่แต่งงานกับ นายอาหามะ ยะกี ฝ่ายชายก็หลบหนีอยู่แล้ว และน่าจะใช้ชีวิตอยู่ในป่า จึงน่าจะลอบกลับมาพบกันจนมีลูก ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องการตรวจดีเอ็นเอ ทารกวัย 11 เดือน เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงนี้ แต่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม
“ทีมข่าวอิศรา” สอบถามเรื่องนี้กับ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ระหว่างแถลงผลงานการแก้ไขปัญหาไฟใต้ห้วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดย พล.ต.ท.นันทเดช บอกว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ทำไปตามกระบวนการของกฎหมาย และจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบถาม
@@ ชาวบ้านวิจารณ์แซ่ด 5 ประเด็นคาใจ
ทีมข่าวยังได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ พบว่ามีการวิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง พร้อมตั้งข้อสังเกตกันหลายประเด็น สรุปได้ดังนี้
- เจ้าหน้าที่ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือในการติดตามตัวผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ทำไมต้องกดดันบุตรและภรรยา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความผิดที่ผู้ต้องหากระทำ
- เวลาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น ใช้กำลังเยอะ ปิดหน้าปิดตา อาวุธครบมือ ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว เด็กเองก็หวาดกลัว
- การขอตรวจดีเอ็นเอกับทารก เข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็กหรือไม่
- ถ้าตรวจแล้ว ผลออกมาว่า เด็กคนนี้เป็นลูกชายของ นายอาหามะ ยะกี แล้วเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไรต่อไป ดำเนินคดีกับใครหรือไม่ เพราะเด็กไม่ได้เกี่ยวข้อง
- การเก็บหลักฐานดีเอ็นเอ มีขั้นตอนที่ถูกต้องหรือไม่ เสี่ยงกับการรั่วไหลหรือไม่ เพราะการบังคับตรวจ ยังไม่มีกฎหมายรองรับ
@@ “อังคณา” ชี้ จนท.ละเมิดสิทธิทั้งแม่ทั้งลูก
นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตั้งคำถามกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เจ้าหน้าที่จะเก็บ DNA เด็กทารกไปทำไม ในเมื่อเด็กไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เรื่องนี้เป็นปัญหาการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และละเมิดสิทธิเด็ก
“สาเหตุที่ต้องการตรวจ ก็เพื่อกดดันให้ฝ่ายหญิงบอกเจ้าหน้าที่ว่าสามีอยู่ที่ไหน เรื่องนี้ขัดต่อกฎหมาย และละเมิดสิทธิทั้งแม่ ทั้งเด็กแน่นอน เนื่องจากไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องบอกว่าท้องกับใคร หรือใครเป็นพ่อเด็ก การเก็บ DNA เด็ก ต้องทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กเท่านั้น ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติ และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก เช่น ตรวจเพื่อพิสูจน์สัญชาติ ไม่ใช่ตรวจด้วยเหตุผลแบบนี้” อดีตกรรมการสิทธิฯ กล่าว ทั้งยังมีคำถามเรื่องการเก็บข้อมูล DNA ว่ามีมาตรฐานและรักษาความลับเพียงใด