"บิ๊กป้อม” สั่ง ศอ.บต.ระดมทุกหน่วยงานรับมือน้ำท่วมชายแดนใต้ ย้ำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ด้านยะลาเตือนชาวบ้าน "ยะหา-รามัน" ขนของขึ้นที่สูงเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง ส่วนระดับน้ำเขื่อนบางลางยังไม่วิกฤติ รองรับได้อีกเกือบ 40% ขณะที่ผู้ว่าฯนราธิวาส สั่งเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมระแงะ 7 ตำบล แม่น้ำโก-ลก ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง ขณะที่หลายภาคส่วนเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมสูง ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบและเดือนร้อนในหลายพื้นที่ ล่าสุดทั้งในพื้นที่ จ.ยะลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ต่างเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยการแจ้งเตือนชาวบ้านให้ขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นและสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
วันศุกร์ที่ 11 พ.ย.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กพต. ได้เรียกหน่วยราชการในพื้นที่ประชุมหารือมาตรการช่วยเหลือรับมือสถานการณ์ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนให้มีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต โดย พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตประชาชนให้น้อยที่สุด ในขณะที่น้ำท่วมขังตามพื้นที่ต่างๆ จะต้องเร่งระบายให้เร็วที่สุด พร้อมจัดทำแผนเคลื่อนย้ายประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย หากประชาชนขาดสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ก็ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือ ดูแล และจัดการด้านอาหาร และยารักษาโรคให้เพียงพอ
พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่เป็นอยู่ ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักในบางพื้นที่ และเริ่มมีน้ำท่วมขังหลายแห่ง ศอ.บต.ในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความยั่งยืน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งและลงนามจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (ผอ.กอ.นช.) จึงต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและครบวงจร ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี โดยจะต้องทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
@@ ระดับน้ำเขื่อนบางลางยังไม่วิกฤติ
ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง อ.ธารโต จ.ยะลา ที่ถือเป็นต้นน้ำหลักในการหล่อเลี้ยงพืชผลทางการเกษตรของประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้นั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 00.00 น.วันศุกร์ที่ 11 พ.ย.65 มีปริมาณน้ำในอ่าง 878.49 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60.4 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีก 575.87 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะเดียวกันได้มีการระบายน้ำอยู่ที่ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่หากสถานการณ์ฝนยังคงตกหนักและอยู่ในสภาวะวิกฤติ ทางเขื่อนบางลางมีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มระบายน้ำ 10–12 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการน้ำและการพิจารณาสถานการณ์ของปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเป็นระยะๆ ด้วย
ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวัง หาแนวป้องกันเสริม นำกระสอบทรายมาวางกั้นพื้นที่กลุ่มเสี่ยง พร้อมติดตามข่าวสารสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากกรมอุตินิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
@@ ยะลาเตือนชาวบ้าน "ยะหา - รามัน" ขนของขึ้นที่สูง
ขณะที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ขนย้ายของขึ้นที่สูง โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำสายบุรี บ้านละแอ ต.บาลอ, ชุมชนตลาดล่าง ต.กายูบอเกาะ, บ้านสะโต บ้านกือเม็ง บ้านแยะ ต.อาซ่อง, บ้านพรุ ต.ท่าธง และบ้านเกะรอ ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา
และที่ริมคลองยะหา บริเวณบ้านกาบู ต.ยะหา, บ้านอาบอ บ้านละแอ บ้านตาเปาะ บ้านกือยา บ้านชะเมาะ บ้านกูแบรายอ ต.ละแอ อ.ยะหา ให้เฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่ง ภายหลังจากที่ได้เกิดฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ลุ่มน้ำปัตตานี จ.ยะลา ตั้งแต่ช่วงวันที่ 10-11 พ.ย.65 มีปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยให้ติดตามสถานการณ์น้ำและข่าวสารทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ พร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องมือ เรือ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมสำหรับให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอดเวลา
ส่วนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสะเตงนอก อ.เมืองยะลา มีน้ำท่วมขังเข้าบ้านเรือนประชาชนกว่า 20 หลังคาเรือน ในพื้นที่หมู่ 6 และหมู่ 9 ซอยหลังอนามัย ต.สะเตงนอก เนื่องจากฝนที่ได้ตกลงมาหนักทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ระบายไม่ทัน น้ำท่วมสูงระดับ 50 เซ็นติเมตร และปริมาณน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนชาวบ้านต้องนำกระสอบทราบมาวางกั้นประตูบ้านเรือน เพื่อป้องกันน้ำเข้าบ้าน
น.ส.สุกันติมา ศีริสุวรรณ เจ้าของบ้านที่น้ำท่วม ในพื้นที่ ต.สะแตงนอก กล่าวว่า ขณะนี้เดือดร้อนเป็นอย่างมาก อยากให้หน่วยงานเร่งช่วยเหลือ ซึ่งหากมวลน้ำจากพื้นที่ อ.รามัน ไหลเข้ามาสมทบ ก็จะทำให้น้ำท่วมสูงขึ้นอีก
@@ ผู้ว่าฯนราธิวาส สั่งเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมระแงะ 7 ตำบล
วันเดียวกันนี้ ณ ที่ว่าการอำเภอระแงะ จ.นราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมเตรียมการรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ อ.ระแงะ โดยมีนายอำเภอระแงะ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 นายกเทศบาลตำบลตันหยงมัส ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุม โดยเน้นย้ำทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านบุคลากร อุปกรณ์ และยานพาหนะ ในการความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที และรวดเร็ว ในปีนี้ตั้งเป้าไว้จะไม่มีผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหายให้น้อยที่สุด
ล่าสุดพบว่าบริเวณสะพานปากสระ หมู่ 2 ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส มีกระแสน้ำเชี่ยวกรากมาจากคลองตันหยงมัสและระดับน้ำล้นตลิ่งแล้ว จึงแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอพยพไปยังศูนย์อพยพในเบื้องต้นแล้ว
สำหรับ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มีรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ณ วันที่ 11 พ.ย.65 ในพื้นที่ 7 ตำบล ได้แก่ ต.เฉลิม ในพื้นที่หมู่ที่ 1, 2, 4, 5, และหมู่ที่ 6 176 ครัวเรือน, ต.บาโงสะโต ในพื้นที่หมู่ที่ 1-8 จำนวน 309 ครัวเรือน, ต.ตันหยงลิมอ หมู่ที่ 1, 8 จำนวน 35 ครัวเรือน, ต.มะรือโบตก ในพื้นที่หมู่ที่ 1, 2, 3, 4, 7, 8 จำนวน 197 ครัวเรือน และ ต.ตันหยงมัส หมู่ 13 จำนวน 20 ครัวเรือน ส่วน ต.บองอ และ ต.กาลิซา ไม่มีผู้ประสบอุทกภัย
@@ แม่น้ำโก-ลก ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง
จากปริมาณฝนที่ตกสะสมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 8-10 พ.ย.65 โครงการชลประทานนราธิวาสแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบริเวณชุมชนท่าประปา ชุมชนท่าโรงเลื่อย และชุมชนริมแม่น้ำโก-ลก เนื่องจากขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลก แม้จะยังต่ำกว่าตลิ่ง แต่ก็ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก กล่าวว่า ระดับน้ำจากคลองบูเก๊ะตายังไหลลงสู่เเม่น้ำโก-ลกอย่างต่อเนื่องจนทำให้ภายใน 3 ชั่วโมงนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลกจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติ โดยล่าสุดระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 82 เซนติเมตร ทั้งนี้ตามแผนเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดนราธิวาส ณ บริเวณบ่อสูบน้ำชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และได้เริ่มทยอยสูบน้ำจากชุมชนลงแม่น้ำโก-ลกแล้ว
เช่นเดียวกับประตูระบายน้ำบือเร็ง 1 และบือเร็ง 2 ซึ่งได้ทำการสูบน้ำจากในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกออกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ได้ทำการปิดประตูทางเดินออกไปยังริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และนำเหล็กกำแพงแอลเเบบสอดติดตั้งตลอดแนวเขื่อนกั้นน้ำซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในคืนนี้
@@ หลายภาคส่วนเร่งช่วยเหลือชาวบ้านประสบภัยน้ำท่วม
พ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 (ผบ.ฉก.ทพ.46) ได้สั่งการให้ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ประกอบด้วย กองร้อย ทพ.4607 ร้อย.ทพ.4610 ร้อย.ทพ.4613 และ ร้อย.ทพ.4602 นำกำลังพลพร้อมจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ เข้าช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง รวมถึงช่วยเหลือโรงเรียน ฟาร์มตัวอย่าง และบ้านเรือนประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมซ้ำซาก ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านบูยิ ต.ลาโล๊ะ โรงเรียนบ้านนาโอน ต.รือเสาะ และโรงเรียนประชาพัฒนา ต.บาตง รวมถึงฟาร์มตัวอย่างบ้านสะแนะ ต.เรียง พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ใกล้แม่น้ำสายบุรีให้เตรียมความพร้อม รับฟังการแจ้งเตือนเกี่ยวกับระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันมูลนิธิฮิลาลอะห์มัร ศูนย์ปฏิบัติการสะบ้าย้อย ได้เตรียมพร้อมเรื่องของเรือ และรถของมูลนิธิ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่ร้องขอความช่วยเหลือในการขนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่ รวมทั้งเจ็บป่วยต้องเดินทางไปโรงพยาบาล
น.ส.รอกีเยาะ อาบู ประธานศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ กล่าวว่า ในพื้นที่มีฝนตกติดต่อหลายวัน ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาจำนวนมาก โชคดีที่ทางศูนย์ฯ ได้รับการสนับสนุนจาก นายธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นายฐกร รัตนกมลพร และครอบครัว พร้อมส่งกำลังใจถึงพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งทางศูนย์ฯได้นำอาหารเหลว ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ทั้งของเด็กและผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงข้าวสารอาหารแห้งบางส่วน นำไปแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องในพื้นที่แล้ว และอีกหลายพื้นที่อยู่ระหว่างสำรวจและให้ความช่วยเหลือ
นางซีตีรอ ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเรา ตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวลูก 4 คน ปกติพิการ ทำงานบีบนวด มีรายได้ 10-50 บาทแล้วแต่จะมีคนบริจาค แต่ช่วงนี้ฝนตกทำให้ไม่มีรายได้ วันนี้ได้ของบรรเทาความเดือดร้อนก็พอได้กินกับลูกๆ ต้องขอบคุณทุกคนอีกครั้ง