“สมาชิกสภาสูง” ขยับตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หลังเสนอแนวคิดให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น “เขตปกครองพิเศษ” เปิดโอกาสให้ “ปกครองตนเอง” เหมือนมณฑลซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน
คำกล่าวของ พ.ต.อ.ทวี ในเรื่องนี้ เกิดขึ้นระหว่างเปิดงาน “เมืองโบราณยะรัง” ที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันเสาร์ที่ 12 เม.ย.68 หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งได้ไปเยี่ยม “ชาวอุยกูร์” จากมณฑลซินเจียง เมื่อเกือบ 1 เดือนก่อนหน้านั้น เพื่อติดตามดูชีวิตความเป็นอยู่ เนื่องจากชาวอุยกูร์ราว 40 คนถูกส่งกลับจีน โดยการตัดสินใจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จนถูกประณามจากชาติตะวันตก สหรัฐฯ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเกือบทั่วโลก
โดยชาวอุยกูร์กลุ่มนี้หลบหนีออกจากจีนเมื่อสิบกว่าปีก่อน และถูกกักตัวอยู่ในไทยนานกว่า 1 ทศวรรษ ทำให้ถูกตั้งคำถามว่า หากการใช้ชีวิตในมณฑลซินเจียงบ้านเกิด มีความสุขจริง เหตุใดชาวอุยกูร์เหล่านี้จึงต้องพากันหลบหนีออกนอกประเทศ
คำกล่าวของ พ.ต.อ.ทวี แม้จะมีบางฝ่ายออกมาให้การสนับสนุน แต่อีกด้านหนึ่งก็ถูกตั้งคำถามไม่น้อยเหมือนกันว่าเป็นการชี้นำสถานการณ์ภาคใต้ในวันที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่มีแม้แต่ยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาหรือไม่ เพราะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สั่งการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปทบทวนยุทธศาสตร์ตั้งแต่ต้นปี 68 แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าชัดเจน สะท้อนผ่านการไม่ยอมตั้งคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ชุดใหม่ ทั้งๆ ที่ตั้งรัฐบาลมานานกว่าครึ่งปีแล้ว
โดยฝ่ายที่ออกมาวิจารณ์เชิงลบกับข้อเสนอ “เขตปกครองพิเศษ” เพราะเห็นว่าโมเดลของมณฑลซินเจียง แตกต่างจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างสิ้นเชิง และการแก้ปัญหาของรัฐบาลจีนในเรื่องชาวอุยกูร์ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ล่าสุด สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะ สว.สายสีน้ำเงิน ได้หารือกัน และเห็นว่าข้อเสนอของ พ.ต.อ.ทวี อาจขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 1 ที่บัญญัติว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้”
แหล่งข่าวจากแกนนำ สว.ระบุว่า เรื่องนี้อาจจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 จึงได้ให้ฝ่ายกฎหมายของวุฒิสภาไปเก็บข้อมูลและพิจารณาข้อกฎหมาย
“ท่านทวีบอกจะให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น เขตปกครองพิเศษ แบบซินเจียง ทางวุฒิสภาเรามองว่าล่อแหลมมาก” แหล่งข่าวระด้บแกนนำ สว. ระบุ
และว่า “ที่จริงเราเชื่อว่าท่านทวีต้องการพูดเอาใจคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะท่านเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งมีฐานเสียงในพื้นที่ แต่ท่านก็ควรใช้คำว่า 'รูปแบบการปกครองแบบพิเศษ' เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการกระจายอำนาจที่กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบจะเหมาะสมกว่า เช่น เป็นส่วนหนึ่งหรือรูปแบบหนึ่งของการปกครองท้องถิ่น เหมือนกับกรุงเทพมหานคร หรือเมืองพัทยา”
แหล่งข่าวระดับสูงจากวุฒิสภา บอกอีกว่า สาเหตุที่ พ.ต.อ.ทวี ต้องออกมาพูดเอาใจคนสามจังหวัด เพราะเสียรังวัดและเสียคะแนนนิยมไปมาก จากการที่รัฐบาลตัดสินใจส่งพี่น้องอุยกูร์กลับจีน โดยที่ พ.ต.อ.ทวี ไม่ได้แสดงจุดยืนคัดค้าน ทั้งๆ ที่เป็นคนมุสลิมเหมือนกับพี่น้องสามจังหวัด และมีกระแสต่อต้านเรื่องนี้มาตลอด
นอกจากนั้น พ.ต.อ.ทวี ยังให้สัมภาษณ์หลายครั้งในทำนองไม่คัดค้านการมีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย โดยแสดงจุดยืนสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจรฯ ด้วย ทั้งๆ ที่เรื่องนี้อ่อนไหวมากกับความรู้สึกของพี่น้องมุสลิม รวมถึงพี่น้องชาวพุทธจำนวนมาก เพราะขัดกับหลักศาสนาทั้งสองศาสนา
“ท่านทวีพูดไปก่อนในทำนองไม่ได้คัดค้านเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน แต่ภายหลังกระแสในพื้นที่ต่อต้านอย่างหนัก ถึงกับคาดหมายได้ว่าเลือกตั้งหนหน้า สส.อาจจะสูญพันธุ์ ทำให้ สส. 7 คนของพรรคประชาชาติต้องรีบออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน ขณะที่ท่านทวีก็ออกมาพูดตอนหลังว่า สส.พรรคประชาชาติอาจจะไม่โหวตให้ หรืองดออกเสียง ทำให้รัฐบาลเสียงแตก และสุดท้ายต้องเลื่อนพิจารณาร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด”
แหล่งข่าวระดับสูงจากวุฒิสภา บอกด้วยว่า เท่าที่ได้รับรายงานจากฝ่ายกฎหมายของ สว. จะมีการไปยื่นให้องค์กรอิสระตรวจสอบคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.ทวี โดยอาจยื่นผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อกฎหมายว่าสามารถยื่นผ่านช่องทางใดได้บ้าง
อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า พ.ต.อ.ทวี กับ “สว.สายสีน้ำเงิน” มีวิวาทะและความขัดแย้งกันมาก่อน เรื่องที่ พ.ต.อ.ทวี ออกหน้าแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในการขับเคลื่อนให้ตรวจสอบ “โพยฮั้ว สว.” โดยอ้างว่าการเลือก สว.ที่ผ่านมา ไม่สุจริตเที่ยงธรรม และมีโพยฮั้ว มี สว.ได้รับประโยชน์ 138 คน จากชื่อในโพย 140 คน เข้าข่ายเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร
ต่อมาดีเอสไอรับเรื่องนี้่เป็นคดีพิเศษ เฉพาะข้อกล่าวหา “ฟอกเงิน” ตามอำนาจหน้าที่ซึ่งมีอยู่เดิมแล้ว โดยไม่ต้องขอมติจากคณะกรรมการคดีพิเศษ
ขณะที่ฝ่าย สว.92 คนก็ได้เข้าชื่อกัน ร้องศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติของ พ.ต.อ.ทวี ว่าขาดจากการเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากมีพฤติการณ์แทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะการตรวจสอบกระบวนการเลือก สว. เป็นอำนาจโดยตรงของ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ไม่ใช่อำนาจของฝ่ายบริหาร อย่างรัฐบาลหรือดีเอสไอ