เมื่อเวลา 19.00 น.วันพฤหัสบดีที่ 12 มิ.ย.68 เจ้าหน้าที่กู้ชีพสำนักขาม และตำรวจสายตรวจบ้านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ได้รับแจ้งจาก นายกิตติ บัวกิ่ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านไร่ออก ต.สำนักขาม อ.สะเดา ว่าพบหลุมต้องสงสัย และคิดว่าเป็นหลุมศพ เพราะมีรอยขุดใหม่ๆ และนำใบไม้วางทับไว้ด้านบน
“รมว.ยุติธรรม” ร่วมแถลงจับเครือข่ายค้ายาเสพติดชายแดนใต้ 3 ราย ไอซ์ของกลางกว่าครึ่งตัน พบที่เกิดเหตุเป็นจุดพักยาจากเหนือ–อีสาน ก่อนส่งต่อปลายด้ามขวาน รอกระจายไปประเทศเพื่อนบ้าน เตรียมขยายผลตามรวบกลุ่มที่ยังหลบหนี เผยผลปฏิบัติการ 9 เดือน จับแล้วกว่า 1.2 หมื่นคดี ยึดทรัพย์ 600 ล้าน ลุยเปิดกิจกรรมระดมพลังตั้ง 150 ชุดปฏิบัติการชุมชน แก้ปัญหาระดับหมู่บ้าน
จุดเปลี่ยนของสถานการณ์ชายแดนใต้ นอกเหนือจากการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ความรุนแรง และสถานการณ์ความไม่สงบแล้ว ยังต้องฝากความหวังไว้กับ “คนรุ่นใหม่” ในพื้นที่
เสียงดังคล้ายระเบิดทำชาวบ้านตากใบแตกตื่น เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ที่แท้เป็นเสียง “บั้งแก๊สยักษ์” ที่นิยมจุดช่วงฮารีรายอ ผงะพบธงดำเขียนภาษาอาหรับคล้ายกลุ่มรัฐอิสลาม “ไอเอส” เร่งสอบเชิงลึกยังโล่งอก ไม่เกี่ยวข้องสถานการณ์ความไม่สงบ ไม่โยงกลุ่มหัวรุนแรงนอกประเทศ
รวบอดีตจ่าทหาร ขนดินระเบิด TNT - อาวุธปืน - กระสุนปืนสงคราม - ฝักแคระเบิด พร้อมเสื้อผ้าผู้หญิงคารถ สงสัยกลุ่มป่วนใต้แฝงตัวสมัครเป็นทหาร ลอบก่อเหตุ พร้อมเป็นหนอนบ่อนไส้ส่งข่าวให้ขบวนการ ผบช.ภ.9 - แม่ทัพภาค 4 ไม่ปฏิเสธข่าว ยอมรับมีจับจริง ย้ำมีระบบตรวจสอบป้องกัน “เกลือเป็นหนอน”
เจอระเบิดลูกที่ 3 กลางเมืองปัตตานี แต่โชคดีไม่ทำงาน อีโอดีเข้าเก็บกู้ไว้ได้อย่างปลอดภัย พบเป็น “ไปป์บอมบ์แสวงเครื่อง” ล็อตเดียวกัน ตั้งเวลาบึ้มต่อเนื่อง เน้นเสียงดัง ไม่มีสะเก็ดสังหาร
แนวรบด้านตะวันออกไทย-กัมพูชายังวางใจไม่ได้ ปรากฏเหตุร้ายในแนวรบชายแดนใต้ที่ยืดเยื้อมา 21 ปี คราวนี้เกิดระเบิด 2 ครั้งในย่านการค้ากลางเมืองปัตตานี ชาวบ้านแชร์ภาพรถจักรยานยนต์พังยับ
ไม่มีใครปฏิเสธอีกแล้วว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ในระดับวิกฤต และเสี่ยงเกิดสงครามหรือการสู้รบ
แม้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในบริบทของการพูดคุยสันติสุข/สันติภาพ จะยังอึมครึม ไม่ชัดเจน และมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นเนืองๆ
แม่ทัพภาค 4 สั่งสอบหลังเพจ “หมาเฝ้าบ้าน” โพสต์ข้อมูลทหารถูกนำชื่อไปรับเบี้ยเลี้ยงสนาม แต่ไม่ได้ปฏิบัติงานจริง จนถูกหัวหน้าเรียกเงินคืน ด้าน กอ.รมน.ภาค 4 สน.แจงทันควัน เป็นเรื่องเข้าใจผิด เหตุกำลังพลมีชื่อพ้นภารกิจแล้ว แต่งานเอกสารยังไม่เรียบร้อย เบี้ยเลี้ยงยังจ่ายตรงเข้าบัญชี จึงต้องเรียกคืน คาดมีบางคนไม่พอใจ ใช้เงินหมดแล้ว จึงสร้างเรื่องร้องเรียนจนวุ่น