สาธารณสุขชายแดนใต้เปิดสายด่วนรับผู้ป่วยโควิดกลับมารักษาในภูมิลำเนา ขณะที่ปัตตานีแก้ปัญหาเตียงล้น ให้ผู้ป่วยไม่มีอาการแยกกักตัวที่บ้านหรือในชุมชน ส่วนที่ อ.ตากใบ นราธิวาส ตั้งจุดตรวจเข้มสกัดเดินทางข้ามพื้นที่
วันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ค.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดสงขลา ยังคงมีผู้ปวยยืนยันรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละจังหวัดใช้มาตรการเข้มงวดในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการคุมเข้มการเดินทางข้ามพื้นที่
อย่างที่บริเวณด่านตรวจปูยู อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นด่านตรวจระหว่าง อ.ตากใบ และ อ.สุไหงโก-ลก ได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมบูรณาการตามมาตรการคุมเข้มการเดินทางข้ามอำเภอ เพื่อลดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยผู้ที่เดินทางผ่านจุดตรวจจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนและเอกสารรับรองความจำเป็นในการเดินทาง ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดนราธิวาส เรื่องมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ฉบับที่ 28 ที่ให้ประชาชนเลี่ยง จำกัดหรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถาน หรือที่พักโดยไม่จำเป็น
นายศราวุธ นิลกาญจน์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง อ.ตากใบ กล่าวว่า นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอตากใบ ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมบูรณาการกับหน่วยกำลังในพื้นที่ร่วมตั้งด่านตรวจหลัก 2 จุด คือ ด่านตรวจโคกยามู และด่านตรวจปูยู ที่ได้มีการบูรณาการกำลังทั้ง 3 ฝ่าย ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. ในการตั้งด่านตรวจ ตั้งแต่วันที่ 20 - 26 ก.ค.64 โดยเน้นหนักในห้วงเวลา 21.00 - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ห้ามประชาชนออกนอกพื้นที่โดยไม่มีเหตุผลความจำเป็น
ทั้งนี้ทาง อ.ตากใบ ยังได้งดการออกหนังสือเดินทางข้ามเขตจังหวัดโดยไม่จำเป็น โดยจะเห็นว่า การเดินทางของประชาชนลดลงและส่วนใหญ่มีความเข้าใจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19
@@ปัตตานีแก้ปัญหาเตียงล้น ให้ผู้ป่วยไม่มีอาการให้แยกกักตัวที่บ้านหรือในชุมชน
ทันตแพทย์สมฤทธิ์ จิโรจน์วณิชชากร ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ในฐานะโฆษกศูนย์สื่อสารสถานการณ์โควิดจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า มีผู้ป่วยใหม่เฉลี่ย 300 คนต่อวัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังตกค้างในระบบการแพทย์สาธารณสุขอีกจำนวนหนึ่ง ถือว่า หนักเอาการสำหรับระบบสาธารณสุขใน จ.ปัตตานีที่จะรองรับ
ตอนนี้การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดของปัตตานี ต้องมีการปรับกันนิดหน่อย โรงพยาบาลสนามของเรากำลังล้นหรือบางแห่งล้น เกินกำลังไปแล้ว เราจึงต้องมีการจัดให้ผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการ ให้แยกกักตัวอยู่ที่บ้าน (Home Isolation) หรืออยู่ในชุมชน (Community Isolation) คล้าย LQ เดิมกันให้มากขึ้น ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ บ้านใครพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่พิจารณาได้เลย
โฆษกศูนย์สื่อสารสถานการณ์โควิดจังหวัดปัตตานี กล่าวอีกว่า ปัตตานีจะพ้นวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ โดยตัวชี้วัดระยะสั้น คือตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.เป็นต้นไป ควรเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เกิน 250 คนโดยเฉลี่ย ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.เป็นต้นไปควรเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 200 คนโดยเฉลี่ย และภายในวันที่ 16 ส.ค. เป็นต้นไปเราต้องควบคุมจำนนวนผู้ติดเชื้อให้ได้ต่ำกว่า 100 คนโดยเฉลี่ย ประชาชนทุกคนต้องใส่แมสก์ และออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นจนถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ และหลังจากวันที่ 2 ส.ค. ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น เราจะมีโอกาสได้รับมาตรการผ่อนปรน
@@เปิดสายด่วนรับผู้ป่วยโควิดกลับมารักษาตัวในภูมิลำเนา
ขณะเดียวกันนี้ทางสำนักงานสาธารณสุขทั้ง จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส และ จ.สงขลา ได้มีประกาศแจ้งผ่านทางเพจสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ในการเปิดรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 ซึ่งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับมารักษาตัวที่จังหวัดบ้านเกิด ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้และจังหวัดสงขลา โดยสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ เพื่อประสานงานกับทีมแพทย์ในการเดินทางและจัดเตรียมโรงพยาบาลในการรักษา ตามหมายเลขโทรศัพท์ดังต่อไปนี้
จ.ปัตตานี ติดต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี 094-6479654, 091-8142397
จ.ยะลา ติดต่อศูนย์ประสานงาน "คนยะลา ไม่ทิ้งกัน" 093-6518820 ทุกวัน 09.00 น.- 17.00 น.
จ.นราธิวาส ติดต่อ ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินโควิด-19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส 096-2309212 , 073-532059 ทุกวัน 08.00 น.-17.00 น.
จ.สงขลา ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินโควิด-19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา 091-0498099 , 081-6781112 ในเวลา 08.30 น. - 20.00 น.
@@ยะลา รพ.หลัก - รพ.สนาม เหลือเตียงรวมไม่ถึง 100
ด้านรายงานข้อมูลเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 จากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ เป็นข้อมูล ณ เวลา 15.30 น. ของวันที่ 22 ก.ค.64 มีข้อมูลดังนี้
จ.สงขลา โรงพยาบาลหลักมีเตียงทั้งหมด 951 เตียง ใช้ไปทั้งสิ้น 785 เตียง คงเหลือ 166 เตียง ส่วนในโรงพยาบาลสนามมีเตียงทั้งหมด 3,182 เตียง ใช้ไป 2,014 เตียง คงเหลือ 1,168 เตียง ขณะที่อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนผู้ป่วยใน รพ.สนาม 1:144
จ.ปัตตานี โรงพยาบาลหลักมีเตียงทั้งหมด 480 เตียง ใช้ไปทั้งสิ้น 457 เตียง คงเหลือ 23 เตียง ส่วนในโรงพยาบาลสนามมีเตียงทั้งหมด 1,835 เตียง ใช้ไป 1,430 เตียง คงเหลือ 405 เตียง ขณะที่อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนผู้ป่วยใน รพ.สนาม 1:13
จ.ยะลา โรงพยาบาลหลักมีเตียงทั้งหมด 591 เตียง ใช้ไปทั้งสิ้น 542 เตียง คงเหลือ 49 เตียง ส่วนในโรงพยาบาลสนามมีเตียงทั้งหมด 1,088 เตียง ใช้ไป 1,039 เตียง คงเหลือ 49 เตียง ขณะที่อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนผู้ป่วยใน รพ.สนาม 1:148
จ.นราธิวาส โรงพยาบาลหลักมีเตียงทั้งหมด 581 เตียง ใช้ไปทั้งสิ้น 595 เตียง คงเหลือ -14 เตียง ส่วนในโรงพยาบาลสนามมีเตียงทั้งหมด 1,450 เตียง ใช้ไป 625 เตียง คงเหลือ 824 เตียง ขณะที่อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนผู้ป่วยใน รพ.สนาม 1:125
@@สงขลาติดเชื้อ 253 ราย ปัตตานีป่วยเสียชีวิต 7 ราย
ด้านรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้และสงขลา ประจำวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ค.64 มีดังนี้
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 132 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 7,067 ราย รักษาหายแล้ว 4,118 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 7 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 81 ราย ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 172 ราย โรงพยาบาลสนามจังหวัด 795 ราย โรงพยาบาลประจำอำเภอ 681 ราย โรงพยาบาลชุมชน 470 ราย โรงพยาบาลสิโรรส 42 ราย สิโรรส-ปาร์ควิว Hospitel 167 ราย อยู่ระหว่างพิจารณาแอดมิท 535 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) 6 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 2,255 ราย, อ.หนองจิก 1,079 ราย, อ.โคกโพธิ์ 447 ราย, อ.ยะหริ่ง 820 ราย, อ.สายบุรี 330 ราย, อ.ไม้แก่น 100 ราย, อ.แม่ลาน 162 ราย, อ.ยะรัง 577 ราย, อ.ปะนาเระ 316 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 168 ราย, อ.มายอ 633 ราย และ อ.กะพ้อ 108 ราย
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 214 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 5,566 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 2,418 ราย รักษาหายแล้ว 3,102 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 3 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 46 ราย อยู่ระหว่างรอผล 1,448 ซึ่งจำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 2,265 ราย, อ.กรงปินัง 576 ราย, อ.เบตง 326 ราย, อ.รามัน 435 ราย, อ.บันนังสตา 918 ราย, อ.กาบัง 206 ราย อ.ธารโต 395 ราย และ อ.ยะหา 445 ราย
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 2,418 ราย แยกเป็น โรงพยาบาลยะลา 148 ราย โรงพยาบาลเบตง 55 ราย รพช.6 แห่ง 341 ราย โรงพยาบาลสิโรรส 50 ราย โรงพยาบาลสนาม อ.เมือง 680 ราย โรงพยาบาลสนามเบตง 12 ราย โรงพยาบาลสนามรามัน 2 แห่ง 233 ราย โรงพยาบาลสนามบันนังสตา 114 ราย Bubble & Seal (3 แห่ง) 240 ราย รักษาตัวที่บ้าน/ปฏิเสธการรักษา 68 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าระบบ 477 ราย
จ.นราธิวาส มีผู้ป่วยรายใหม่ 124 ราย แยกเป็น พื้นที่ อ.ระแงะ 7 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 17 ราย, อ.เจาะไอร้อง 8 ราย, อ.เมือง 12 ราย, อ.สุไหงปาดี 5 ราย, อ.ศรีสาคร 3 ราย, อ.ตากใบ 23 ราย, อ.ยี่งอ 5 ราย, อ.จะแนะ 6 ราย, อ.แว้ง 18 ราย อ.รือเสาะ 19 ราย และ อ.บาเจาะ 1 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 4,589 ราย รักษาหายสะสม 3,202 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 42 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 1,054 ราย, อ.ระแงะ 518 ราย, อ.รือเสาะ 234 ราย, อ.บาเจาะ 370 ราย, อ.จะแนะ 298 ราย, อ.ยี่งอ 213 ราย, อ.ตากใบ 673 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 214 ราย, อ.สุไหงปาดี 226 ราย, อ.ศรีสาคร 234 ราย, อ.แว้ง 201 ราย, อ.สุคิริน 123 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 231 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 253 ราย แยกเป็นกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยันในพื้นที่ 115 ราย กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงในโรงงาน 77 ราย กลุ่มรอสอบสวนโรค 20 ราย และกลุ่มสัมผัสเสี่ยงอื่นๆ 41 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 9,879 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 9,856 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 23 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 2,763 ราย รักษาหายแล้ว 7,062 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 3 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 54 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 734 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 2,436 ราย, อ.เมืองสงขลา 1,668 ราย, อ.จะนะ 1,195 ราย, อ.สิงหนคร 715 ราย, อ.เทพา 673 ราย, อ.สะเดา 497 ราย, อ.สะบ้าย้อย 378 ราย, สทิงพระ 287 ราย, อ.บางกล่ำ 226 ราย, อ.นาทวี 169 ราย, อ.นาหม่อม 148 ราย, อ.รัตภูมิ 106 ราย, อ.ระโนด 84 ราย, ควนเนียง 60 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 39 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 12 ราย, เป็นกรณีเรือนจำ รวม 1,101 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 62 ราย และจากต่างประเทศ 23 ราย