
การสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดสวยๆ เพื่อสร้างภาพฝันของดินแดนสันติสุขเท่านั้น
เพราะแม้โดยสภาพพื้นที่จะมีลักษณะของการผสมผสานทางเชื้อชาติ ศาสนา และภาษาอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว แต่ปัญหาความขัดแย้งที่ก่อตัวขึ้น ก็เป็นขวากหนามสำคัญของการขับเคลื่อนให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสันติบนความแตกต่างหลากหลาย
ฉะนั้นวิธีการที่จะเดินสู่เป้าหมาย จึงมีความสำคัญไม่แพ้ทุนทางสังคมที่มีอยู่
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. มีแผนงานและการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เกิดสังคมพหุวัฒนธรรมที่แท้จริง ณ ดินแดนปลายด้ามขวาน

นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. เล่าว่า ศอ.บต.ได้มุ่งเน้นการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายในวิถีสังคมพหุวัฒนธรรมของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทุกศาสนิกและทุกช่วงวัย
จะเห็นได้ว่ามิติของการอยู่ร่วมกันไม่ได้มีมิติเดียว แต่มีความแตกต่างของอัตลักษณ์ และความแตกต่างของช่วงวัยด้วย
หลักการทำงานจึงต้องแยกย่อยเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ
1.การส่งเสริมการอยู่ร่วมกันตั้งแต่เยาว์วัย โดยมีพื้นที่กลางในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อให้เยาวชนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน
2.การส่งเสริมพี่น้องประชาชนตามความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา ในทุกศาสนิกได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อตอบสนองตามหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง
3.การสร้างพื้นที่กลางของการอยู่ร่วมกัน ทั้งด้านนันทนาการ กีฬา สังคม และอาชีพต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชน

และอีกหนึ่งบทบาทหน้าที่ที่ ศอ.บต.ได้ดำเนินการ และส่งผลต่อการสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมไปด้วยในตัว ก็คือการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันมีเป็นจำนวนมาก ทั้งการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
ที่ผ่านมา ศอ.บต. ได้ดำเนินการช่วยเหลือทั้งด้านการเงิน ตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยา ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุขเข้ามาดูแลเรื่องสุขภาพและจิตใจ, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ามาดูแลความเป็นอยู่และทุนการศึกษาให้กับบุตรหรือทายาทที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียด้วย

“การส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของทุกๆ ช่วงวัยและทุกศาสนิกของคนในพื้นที่ ศอ.บต.ต้องการมุ่งเน้นตามบทบาทหน้าที่ โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลาย ภายใต้วิถีพหุวัฒนธรรมที่มีภาพความสวยงามซ่อนอยู่” นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าว
คีย์เวิร์ดที่สำคัญคือ “ก่อให้เกิดมูลค่าทางความรู้สึก” เพราะสิ่งที่จะตามมาก็คือ มูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เพราะความแตกต่างหลากหลาย และอยู่ร่วมกันได้อย่างผสมกลมกลืน คือ เสน่ห์และซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดผู้คนให้ไปเยือนดินแดนแห่งนี้
@@ ส่งเสริมคนดี ผ่านการแสวงบุญพิธีฮัจย์

การสร้างพลังบวกในสังคม คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสันติสุข และการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างหลากหลาย
ทุกปี ศอ.บต.จึงมีกิจกรรมการส่งเสริมคนดีมีคุณธรรม นำพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ภายใต้แผนงานการดำเนินงานการอยู่ร่วมกันในความหลากหลายทางสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ต้องการมุ่งให้พี่น้องประชาชนทุกศาสนิกได้ปฏิบัติศาสนกิจที่ถูกต้องตามหลักศาสนา
โดยในปีนี้ 2568 มีกลุ่มเป้าหมายที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 100 คน ประกอบด้วย 3 กลุ่มได้แก่
1.กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
2.กลุ่มที่มีฐานะยากจน
และ 3.กลุ่มที่ได้ทำคุณงามความดีและพัฒนาพื้นที่ อาทิ ผู้นำศาสนาที่เป็นผู้แทนของประธานคณะกรรมการอิสลามทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้คำแนะนำในการประกอบพิธีฮัจย์ในห้วงที่ปฏิบัติศาสนกิจ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย

ทั้งนี้ กลุ่มที่ ศอ.บต.ให้ความสำคัญไม่แพ้กลุ่มอื่น คือ กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เนื่องจากการได้ไปประกอบพิธีทางศาสนา จะช่วยเยียวยาจิตใจ ให้ได้เรียนรู้หลักปฏิบัติที่สำคัญ (รูก่นอิสลาม) 5 ประการ
หนึ่งในนั้นคือการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ซึ่งมุสลิมทุกคนหากมีโอกาสและความพร้อมในการเยือนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า จักต้องเดินทางไป นับเป็นความฝันอันสูงสุดของพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลาม และเมื่อกลับมา ก็จะสามารถใช้หลักการของศาสนาเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตนเอง ครอบครัว และชุมชนต่อไปได้
การเตรียมความพร้อมขณะนี้ ซึ่งอยู่ในห้วงของการนับถอยหลังแล้ว ศอ.บต.ได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการประกอบพิธีต่างๆ ในแต่ละสถานที่ เรียนรู้วิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวซาอุดิอาระเบีย ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในเรื่องของสุขภาพร่างกาย โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ตลอดระยะเวลาของการเดินทางด้วย
สำหรับผู้ที่เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจสำคัญครั้งนี้ มีกำหนดเดินทางในวันที่ 29 เม.ย. ถึง 13 มิ.ย.2568 รวม 45 วัน

นาวาเอก จักรพงษ์ ให้ข้อมูลเสริมว่า การดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. ได้ดำเนินการกับทุกๆ ศาสนิก ไม่เพียงแต่พี่น้องชาวไทยมุสลิม โดยในส่วนของพี่น้องที่นับถือศาสนาพุทธ ศอ.บต.ก็ได้เตรียมความพร้อมในการนำพุทธศาสนิกชนไปประกอบศาสนิกิจ ณ สังเวชนียสถาน ที่ประเทศอินเดีย - เนปาล
ขณะที่ชาวไทยเชื้อสายจีน ศอ.บต.ได้จัดกิจกรรมให้คนไทยเชื้อสายจีนในห้วงเทศกาลตรุษจีน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะศาสนาใด ภาครัฐไม่เคยทอดทิ้ง และได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมอย่างเท่าเทียมกัน
และนี่ก็คืออีกหนึ่งคีย์เวิร์ดสำคัญของการการสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมด้วยเช่นกัน...
