
ความคืบหน้ากรณี 6 คนร้ายขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ 3 คัน กราดยิงใส่ชาวบ้านไทยพุทธในชุมชนบ้านปลักปลา หมู่ 5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 8-9 ขวบ และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 2 พ.ค.68 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้รวบรวมพยานหลักฐานจากในที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. มากกว่า 20 ปลอก และยังมีปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.บางส่วนตกอยู่ด้วย
ในส่วนของปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. ทางเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบความเชื่อมโยงว่า เป็นขนาดกระสุนปืนที่ยิงมาจากอาวุธปืน เอเค 102 ที่คนร้ายขโมยไปหลังก่อเหตุประกบยิงสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือ อส. สมาชิกเอกสนธยา ไชยสิทธิ์ และสมาชิกเอกอมร บุญทอง จนเสียชีวิต ขณะกลับจากปฏิบัติหน้าที่ รปภ.ครูโรงเรียนวัดสิทธิสารประดิษฐ์ เหตุเกิดบนถนนเลียบคลองชลประทาน หมู่ 5 ต.พร่อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ก.พ.67 หรือไม่
เนื่องจากกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยิง อส.ในครั้งนั้น มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับกลุ่มที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านไทยพุทธครั้งนี้ คือ มีคนร้ายร่วมก่อเหตุ 6 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คัน ในการก่อเหตุ อีกทั้งจุดเกิดเหตุยิง อส. ยังเป็นพื้นที่เขตติดต่อกับบ้านปลักปลา หมู่ 5 ต.โฆษิต ที่คนร้ายก่อเหตุยิงชาวบ้าน 3 ศพด้วย
ขณะที่ผลการสืบสวนในคดียิง อส.เสียชีวิตในครั้งนั้น มีคำซัดทอดของผู้ที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มคนร้าย ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ตัวคนร้ายทั้ง 6 รายแล้วว่าเป็นใครบ้าง ซึ่งหากผลพิสูจน์ปลอกกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม.ที่ใช้ก่อเหตุเป็นกระสุนปืนที่ยิงมาจากอาวุธปืนประจำกายของ อส.ที่ถูกขโมยไป ก็จะทำให้เชื่อได้ว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุใน 2 เหตุการณ์นี้ น่าจะเป็นคนร้ายชุดเดียวกัน
@@ แม่ทัพ 4 ลั่น ต้องไม่มีผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อรุนแรงอีก

วันเดียวกันนี้ ( 4 พ.ค.68) พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง ลงพื้นที่วัดเกาะอภินิหาร (วัดกุหร่าร้าง) ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งเป็นวัดที่สามเณรถูกลอบยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้กำลังใจพระสงฆ์และสามเณร
โดยมี พระมานพ มหาวีโร เจ้าอาวาสวัดกุหร่า ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนไทยพุทธในพื้นที่ที่ยังคงอยู่ในภาวะขวัญเสีย
พล.ท.ไพศาล ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และย้ำว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่ทอดทิ้งประชาชน และจะเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนเพื่อลากตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทุกเหตุการณ์ได้มีการเก็บพยานหลักฐาน และดำเนินการเชิงรุกภายใต้มาตรการตอบโต้ทางยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในการยกระดับการกระทำเพื่อบั่นทอนความสงบสุขในพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยหัวใจ พร้อมปกป้องพี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ
“ไม่ว่าท่านจะนับถือศาสนาใด เชื้อชาติใด ทุกคนคือประชาชนไทยที่รัฐจะต้องดูแล และจะไม่มีผู้บริสุทธิ์คนใดต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงนี้อีก” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
