
“ทวี” ลงใต้ ปิดห้องคุยนักธุรกิจมาเลย์ สนใจลงทุน 50 ล้านเปิดตลาดอาเซียนเหมือนเวียดนาม วางจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นของชาติสมาชิกในภูมิภาค เล็งปักหมุด “แว้ง - โก-ลก” สนใจพื้นที่โครงการบ้านเอื้ออาทรร้าง
วันเสาร์ที่ 24 พ.ค.2568 ระหว่างที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหน้าพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เพื่อเปิดโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น และติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น
ปรากฏว่า พ.ต.อ.ทวี ได้มีโอกาสพูดคุยนอกรอบเป็นการส่วนตัวกับคณะนักธุรกิจประเทศมาเลเซีย ที่เดินทางมาร่วมงานที่ อบต.ดุซงญอ คือ นายซุลฟีกา ซูไฮมี (Mr.Zulfika Suhaimi) และ นายนิอาซิม นิมูฮัมหมัด (Mr.Niazim Nimuhammad)
ในวงพูดคุยมี สส.นราธิวาสของพรรคประชาชาติ เช่น นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ และ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นราธิวาส รวมถึง พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ว่าที่ผู้สมัคร สส.สงขลาของพรรคประชาชาติ ร่วมอยู่ด้วย

โดยนักธุรกิจมาเลเซียให้ความสนใจทำการค้าร่วมกับคนไทย ซึ่งการเจรจาในครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมีการนัดพบปะพูดคุยอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเรื่องของการลงทุนเปิดตลาดอาเซียนแห่งแรกในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทั้ง 2 ฝ่ายต้องใช้เงินร่วมลงทุนประมาณ 30-50 ล้านบาท
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยภายหลังการหารือว่า นักธุรกิจมาเลเซียอยากมีตลาดอาเซียน หรือตลาดสินค้าอาเซียน เพราะเราอยู่ในประชาคมอาเซียน ตลาดลักษณะนี้ประเทศไทยยังไม่มี แต่จะมีที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีสินค้าของอาเซียนวางขาย เป็นสินค้าคล้ายๆ สินค้าพื้นเมือง
โดยทางนักธุรกิจมาเลเซียอยากจะร่วมทุนกับทางประเทศไทย โดยมองไปที่พื้นที่ อ.สุไหงโกลก หรือ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เนื่องจากเป็นอำเภอชายแดน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แต่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยได้ใช้เงิน จึงต้องหาตลาดให้เกิดการจับจ่ายมากขึ้น
“ขณะนี้นราธิวาสจังหวัดเดียว ก็มีนักท่องเที่ยวล้านคนต่อปีแล้ว ทั้งนักท่องเที่ยวมาเลเซียและนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ที่เข้ามา ฉะนั้นก็ควรจะต้องมีตลาดขายสินค้าอาเซียน ซึ่งเป็นแนวความคิดหนึ่งที่มานำเสนอ โดยทางรัฐบาลเองก็เห็นด้วย”
@@ เล็งใช้สถานที่ “บ้านเอื้ออาทรร้าง” ที่โก-ลก

“วันนี้เรื่องใหญ่ของเราจะต้องสร้างเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ แล้วต้นทุนของจังหวัดชายแดนหรือแนวชายแดนเราต้องมีการพัฒนาศักยภาพ อีกไม่นานสะพานมิตรภาพก็จะเกิดขึ้น ถ้านักธุรกิจเริ่มต้นด้วยความคิดของนักธุรกิจ แล้วก็คนในพื้นที่ร่วมด้วย รัฐบาลก็พร้อมสนับสนุน”
“ส่วนสถานที่นั้นก็มีบ้านเอื้ออาทรที่ค่อนข้างร้าง ซึ่งทางเราได้มีการพูดคุยกับ พม.แล้ว (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ก็มีแนวความคิดว่ามันต้องมีการรื้อ เพราะสภาพมันใช้ไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะโครงสร้างตึก ซึ่งถ้าจะมีการแบ่งบางส่วนมาใช้ ก็ต้องพิจารณา โดยต้องเลือกว่าพื้นที่ไหนดีกว่า ระหว่างสุไหงโก-ลก กับ อ.แว้ง” พ.ต.อ.ทวี ระบุ
@@ ย้อนอดีตโครงการบ้านเอื้ออาทร ก่อนเป็นสุสานร้าง

สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งกลายเป็นโครงการร้างที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นั้น การเคหะแห่งชาติ ทำสัญญาซื้อที่ดินเพื่อดำเนินโครงการจาก หจก.ฉัตรวาริน ดีเวลลอปเม้นท์ วงเงิน 20,017,500.00 บาท และร่วมดำเนินกิจการโครงการบ้านเอื้ออาทร อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ก่อสร้างอาคารบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 288 หน่วย กับ หจก.ฉัตรวาริน ดีเวลลอปเม้นท์ วงเงิน 100,942,500 บาท เริ่มสัญญา 20 ต.ค. 2548 สิ้นสุดสัญญา 17 ธ.ค. 2549 รวมวงเงิน 120,960,000 บาท ทั้งสองรายการ สัญญาเลขที่เดียวกัน คือ กคช.(บค.4)37/2548)
ต่อมา 25 ม.ค.2549 การเคหะฯทำสัญญาเพิ่มเติม กับ หจก.ฉัตรวาริน ดีเวลลอปเม้นท์ อีกหนึ่งสัญญา ได้แก่ สัญญาที่ กคช.(บค.4)39/2549 ร่วมดำเนินกิจการโครงการบ้านเอื้ออาทร อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส วงเงิน 210 ล้านบาท สิ้นสุดสัญญาวันที่ 25 มี.ค. 2550 แต่โครงการกลับไม่ประสบความสำเร็จ กลายเป็นโครงการร้าง และเป็นดั่งสุสานมาจนถึงทุกวันนี้
