
ข่าวการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 มาแรงช่วงก่อนที่ รองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย จะเดินทางลงใต้ ไปเปิดวงรับฟังความเห็นของผู้ปฏิบัติทุกฝ่าย เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ “ใหม่” ของรัฐบาล
จะว่าไป กระแสเรียกร้องให้เปลี่ยนตัว “แม่ทัพภาคที่ 4” มีมาก่อนหน้านี้แล้ว แม้จะไม่ใช่โยกย้ายนอกฤดู แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่า อาจจะอยู่ไม่ครบ 2 ปีเหมือนกับแม่ทัพรุ่นพี่ และรุ่นเพื่อน คนก่อนๆ
เพราะด้านหนึ่ง พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ เจอของหนักจากสถานการณ์ไฟใต้ ตั้งแต่รับตำแหน่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นรอยต่อของการเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนายกฯพอดี แม้พรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่จะเป็นพรรคเดิมก็ตาม
แต่ “โต๊ะพูดคุย” ถูกล้มเลิก และดึงเวลาการตั้งโต๊ะใหม่ ทำให้เกิดการเร่งปฏิบัติการ โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่เป้าหมายอ่อนแอ-เปราะบาง ทั้งเด็ก คนแก่ คนพิการ โดยเฉพาะชุมชนไทยพุทธ
ขณะที่อีกด้าน พล.ท.ไพศาล เป็นคนพูดน้อย และไม่ค่อยมีสีสันฉูดฉาด แต่เป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ทำให้ไม่ค่อยมีข่าวในแง่อื่น นอกจากตั้งรับกับความรุนแรงที่ปรากฏ
@@ ตท.26 เคลื่อนไหวคึกคัก?
ประกอบกับการพยายามผลักดันของนายทหาร “ตท.26” ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ซึ่งสวมหมวกอีกใบเป็นรอง ผอ.รมน.ด้วย ทำให้มีกระแสเขย่าเก้าอี้ “แม่ทัพไพศาล” ซึ่งเป็นนายทหาร ตท.25 มาโดยตลอด
ที่สำคัญมีนายทหาร ตท.26 จ่ออยู่ในตำแหน่ง “ขึ้นแม่ทัพได้” อยู่อย่างน้อย 2 คนด้วยกัน ส่วนจะมีความเหมาะสมแค่ไหน อย่างไร เป็นอีกเรื่อง
@@ ย้อนฟัง “บิ๊กอ้วน” ตอบคำถามปมเปลี่ยนแม่ทัพ
อย่างที่เกริ่นเอาไว้ คือ ข่าวนี้มีมาตลอด จากเหตุปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว แต่ข่าวมาดังสุดๆ เมื่อ รองฯภูมิธรรม ตอบคำถามนักข่าวก่อนลงใต้ ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีวาระเปิดวงรับฟังฝ่ายปฏิบัติแบบใกล้ชิด อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ข่าวที่กลายเป็นเรื่อง ก็คือประเด็นที่นักข่าวถามว่า ในส่วนของผู้ปฏิบัติงานจะมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลหรือไม่ รองนายกฯภูมิธรรม ตอบว่า หากเห็นภาพรวมทั้งหมดแล้วก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสม
"ไม่ได้หมายความว่าผมจะเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 เพียงแต่ต้องจัดรูปแบบใหม่ แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ต้องช่วยผม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นการส่วนตัวมาแล้ว รวมถึงผู้บัญชาการทหารบก ผมคิดว่าเห็นภาพรวมทั้งหมดพอสมควร"
ปัจจุบัน “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ได้เป็นแค่รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แต่ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ด้วย จึงมีเพาเวอร์ที่จะโยกย้ายแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ งานนี้จึงกลายเป็นข่าวดัง และวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา
แคนดิเดตที่ว่ารอจ่ออยู่ ก็มีหลายคน ทั้ง ตท.26 รวมไปถึง ตท.27 และ 28
@@ เปิด 4 แคนดิเดตแม่ทัพภาค 4 คนใหม่

พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.25) ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งแม่ทัพภาค 4 มาแล้วราวๆ 8 เดือน และมีอายุราชการอีกกว่า 1 ปี โดยจะเกษียณในเดือน ก.ย.69 (เกิด พ.ย.08) จึงยังมีโอกาสที่จะนั่งเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้อีกปีจนเกษียณ
แต่หากเกิดการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 ขึ้นมา น่าจะเกิดขึ้นในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายเดือน ก.ย.68 นี้มากกว่า แต่ล่าสุดโดนเขย่าให้เปลี่ยนนอกฤดู
สำหรับแคนดิเดตที่จะมีโอกาสชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 มีทั้งหมด 4 คนด้วยกัน
รายแรกคือ พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร แม่ทัพน้อยที่ 4 (ตท.26) ซึ่งเพิ่งได้รับการขยับตำแหน่งขึ้นมาจากรองแม่ทัพภาคที่ 4 ในช่วงการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลเมื่อกลางเดือน มี.ค.68 ที่ผ่านมา (โผกลางปี) การขยับติดยศ พล.ท. และนั่งแม่ทัพน้อย ทำให้มีสิทธิขยับเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ได้
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า พล.ท.อนุสรณ์ เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับ ผบ.ทบ.
แต่ข้อที่เป็นจุดอ่อนก็คือ เป็นนายทหารเหล่าแผนที่ ไม่ใช่สายคุมกำลังรบ จึงไม่ค่อยเหมาะกับสถานการณ์ชายแดนใต้ รวมถึงเรื่องของบารมีในการคุมกำลัง ตลอดจนงานด้านยุทธการ
รายที่ 2 คือ พล.ต.วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.27) นายทหารลูกหม้อกองทัพภาคที่ 4 ที่ขยับขึ้นจาก ผบ.พล.ร. 5 มาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งแต่ปี 66 ถือเป็นรองแม่ทัพอาวุโสสูงสุด และถือเป็นทายาทที่ถูกว่าตัวเอาไว้ ในฐานะน้องเลิฟสายตรง “3 บิ๊กอดีตแม่ทัพภาค 4” คือ “บิ๊กเดฟ” พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์, “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ และ “บิ๊กต้น” พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค
รายที่ 3 คือ พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน รองแม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.28) นายทหารจากสายรบพิเศษ อดีตผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 และมาทำงานอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาระยะหนึ่งแล้ว มีชื่อปรากฏจ่อคิวเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 อีกคน ทั้งมีอายุราชการอีกนานกว่าจะเกษียณในปี 72
แต่ พล.ต.ชาคริต หรือ “บิ๊กคิ้ว” ถูกสกัดอย่างเงียบจาก “สายลูกหม้อทัพภาค 4” โดยเฉพาะจาก “กลุ่ม 3 บิ๊กอดีตแม่ทัพ” และอาจรวมถึง “แม่ทัพไพศาล” คนปัจจุบันด้วย
รายที่ 4 พล.ท.สุรเทพ หนูแก้ว หรือ “บิ๊กจ้อย” นายทหาร ตท.26 เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ทบ.อีกคนหนึ่ง แม้ไม่ใช่สายคุมกำลัง แต่ทำหน้าที่ ผอ.ศปป.5 กอ.รมน. หรือ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กอ.รมน. ซึ่งเป็นศูนย์ที่รับผิดชอบปัญหาไฟใต้โดยตรง ในหมวกของ กอ.รมน.
ความโดดเด่นของ “บิ๊กจ้อย” นอกเหนือจากเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ ผบ.ทบ. ก็คือ การมีมุมคิดแบบนอกกรอบ และเน้นการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจ ซึ่งอาจมีความเหมาะสมในห้วงที่ไฟใต้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
@@ 4 เหตุผล “ไม่ง่าย” เปลี่ยนม้ากลางศึก
แต่การเปลี่ยนตัวแม่ทัพถือเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะต้องตอบคำถามแหลมคมเหล่านี้ให้ได้ด้วย
1.การเปลี่ยนม้ากลางศึก ไม่ใช่เรื่องดี และไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักในห้วงของการทำสงคราม
2.หากเปลี่ยน พล.ท.ไพศาล มีหลักประกันอะไรว่า “คนใหม่” จะทำได้ดีกว่า เพราะ พล.ท.ไพศาล ถือเป็นลูกหม้อ รู้พื้นที่ รู้หน่วย รู้คน เคยเป็น ผบ.ฉก.นราธิวาส ทำงานระดับพื้นที่มาตลอด และยังเชี่ยวชาญงานยุทธการ
3.โครงสร้างการบริหารงานในภารกิจดับไฟใต้ ถูกลดลงไปมากตั้งแต่เปลี่ยนรัฐบาล ทำให้แม่ทัพมีตัวช่วยน้อยลง เช่น ไม่มี คปต. หรือ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมือนในยุครัฐบาล คสช. 9 ปี ไม่มีคณะผู้แทนพิเศษ ฯลฯ
4.โครงสร้างกำลังพลในพื้นที่ที่ถูกกดดันให้ลดกำลังทหารหลัก และลดบทบาทของทหารลง เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้ตำรวจ และ อส.มากขึ้น แต่บางพื้นที่หลายเป็นจุดอ่อน เพราะงานยุทธการอ่อนแอลง
จากคำถามทั้งหมดนี้อาจย้อนกลับมาเป็นเหตุผลของการไม่เปลี่ยนตัวแม่ทัพ ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก แต่จะประคองสถานการณ์ และประเมินอีกครั้งในห้วงของการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ห้วงปลายปี...
ส่วนข่าวที่ออกมาสร้างประโยชน์กับใคร กลุ่มไหน ลองย้อนดูดีๆ ก็จะเห็นเอง!
