
ปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงถูกจับตาจากทุกฝ่าย และรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
การประชุมของ คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (ครส.) ครั้งที่ 3/2568 ซึ่งมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน เมื่อวันอังคารที่ 27 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ก็มีหัวข้อนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือ
รวมถึงในการปาฐกถาพิเศษของ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียนด้วย
โดยเฉพาะปัญหาการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, มาตรการควบคุมการใช้กัญชา, ความคืบหน้าการพัฒนา การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติด, การลบข้อมูลประวัติอาชญากรรมตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินของสำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน

ขณะที่ความร้ายแรงของปัญหาในภาพรวม สะท้อนจากสถิติการจับกุมยาบ้า และไอซ์ ซึ่งยึดได้จากของกลางที่ถูกส่งจากสามเหลี่ยมทองคำ ยอดจับกุมสูงสุดในปี 2566 อยู่ที่ 190 ตัน เพิ่มขึ้น 25.7% แต่ในปี 2567 จับกุมและตรวจยึดยาบ้าได้พันกว่าล้านเม็ด ปี 2568 ผ่านมายังไม่ถึง 6 เดือน จับได้กว่า 5 พันกว่าล้านเม็ด สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นการค้าและการแพร่ระบาด รวมถึงมีผู้กระทำผิดที่อยู่ในเรือนจำในคดียาเสพติด มีสัดส่วนมากที่สุดในโลก
นี่คือความร้ายแรงของปัญหา ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างบูรณาการ
ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีความพยายามขับเคลื่อนงาน โดยมีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ร่วมเป็น “แม่งาน” และ “ประสานงาน”

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้พากลุ่มเยาวชนจำนวน 120 คนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ยาเสพติด สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมศึกษาดูงานในด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในการมีส่วนร่วมกับสังคมอย่างสร้างสรรค์
กิจกรรมครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ศอ.บต., สำนักงาน ป.ป.ส. และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่เสี่ยง ผ่านการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความรู้และการใช้กีฬาเป็นสื่อกลางในการพัฒนา

ภายในงาน เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมจัดบรรยายพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทย และแนวทางการดำเนินงานเชิงวิทยาศาสตร์ในการตรวจพิสูจน์สารเสพติด โดยมีการสาธิตขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด พร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้และสอบถามในประเด็นที่สนใจอย่างใกล้ชิด สร้างบรรยากาศของการเรียนรู้อย่างคึกคักและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
โอกาสนี้ นายขจรยศ ศรีทวี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ศอ.บต. กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นมีการบูรณาการองค์ความรู้ผ่านกิจกรรมด้านกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างวินัย เสริมสร้างทีมเวิร์ก และส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยเยาวชนได้มีโอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลต้นแบบในวงการกีฬา และเรียนรู้ถึงบทบาทของกีฬาในการขับเคลื่อนสังคมให้ปลอดภัยจากยาเสพติด

ฟังเสียงจากเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรม อย่าง ลุตฟี บือซา นักเรียนจากโรงเรียนคัมภีร์วิทยา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เผยว่า “รู้สึกดีใจมากที่ได้รับโอกาสมาศึกษาดูงานในวันนี้ เพราะนอกจากจะได้เห็นกระบวนการทำงานจริงของเจ้าหน้าที่แล้ว ยังได้เรียนรู้ว่ายาเสพติดมีผลกระทบต่อชีวิตมากแค่ไหน ผมเองจะนำความรู้ที่ได้กลับไปบอกต่อกับเพื่อนๆ และคนในชุมชน เพื่อให้ทุกคนรู้ทันภัยใกล้ตัว และช่วยกันดูแลสังคมของเราให้ปลอดภัย”
เช่นเดียวกับ เยาวชนจากโรงเรียนกีฬาจังหวัดยะลา ที่บอกว่า “กิจกรรมวันนี้ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่าปัญหายาเสพติดไม่ใช่เรื่องไกลตัว ผมอยากกลับไปเป็นกระบอกเสียงให้กับเยาวชนในพื้นที่ และอยากเห็นคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เพื่อบ้านเกิดของเรา”

กิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการร่วมกันสร้างสังคมที่เข้มแข็งและปลอดภัย โดยมุ่งเน้นที่การให้ความรู้เชิงลึกแก่เยาวชน สร้างแรงบันดาลใจในการเติบโตเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ
และสามารถเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนชุมชนให้พ้นจากภัยยาเสพติดอย่างยั่งยืน!
