
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของมาตรการปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีการเปิดโอเปอเรชั่นใหญ่ ในวันจันทร์ที่ 2 มิ.ย.68 ใช้กำลังผสมลุยค้นทุกอำเภอ
แต่ปฏิบัติการในทางกายภาพถูกระงับไป ทว่ายังมีการประชุมกำหนดนโยบายโดยใช้ “กฎอัยการศึก” เป็นเครื่องมือหลักในการทำสงครามกับยาเสพติดรอบใหม่
เมื่อวันจันทร์ที่ 2 มิ.ย. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
การหารือเพื่อซักซ้อมความเข้าใจมีขึ้นที่ห้องประชุม 4 กอ.รมน.ภาค 4 สน. ภายในค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยมี พล.ต.กรกฏ ภู่โชติ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.เป็นประธาน
ที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันใน 2 ประเด็น ได้แก่
1.แนวทางการบังคับใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
มติที่ประชุมเห็นชอบให้มีการนำ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาบังคับใช้ เพราะเห็นว่าภัยยาเสพติดเป็นภัยคุกคามที่กระทบต่อความมั่นคง จึงมีความจำเป็นเร่งรวดที่จะต้องปราบปราบให้ยุติโดยเร็ว โดยจะมีการออกคำสั่งรองรับว่ายาเสพติดเป็นภัยต่อความมั่นคงในลำดับต่อไป
สำหรับแนวทางการปฏิบัติในการบังคับใช้กฎอัยการศึกต่อเป้าหมายยาเสพติด จะต้องมีการบูรณาการกำลังทั้ง 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และ สำนักงาน ป.ป.ส. ในการร่วมกันใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเข้าปฏิบัติการต่อเป้าหมายยาเสพติดในพื้นที่ต่อไป
2.การดำเนินการที่เหมาะสมต่อพืชกระท่อม และน้ำต้มพืชกระท่อมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
มติที่ประชุมเห็นชอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายพืชกระท่อมอย่างเคร่งครัด และให้ ป.ป.ส.ภาค 9 และ ศอ.บต. หรือศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้แจงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมบนถนนหลวงและชุมชน ในวาระการประชุมประจำเดือนของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ให้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอได้รับทราบ เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนในพื้นที่ทราบต่อไป
พร้อมทั้งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมหารือแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมดังกล่าวด้วย
