ประมงปัตตานีรวมตัวยื่นหนังสือคัดค้าน “ร่าง พ.ร.บ.แรงงานทะเล” บังคับคนทำงานภาคประมงเข้าสู่ระบบประกันสังคม ทั้งที่ส่วนใหญ่เป็นต่างด้าว ลักษณะงานหมุนเวียนเข้าออกตลอดปี แถมมีช่วงหยุดหน้ามรสุม ไม่ได้ออกเรือ หากต้องจ่ายสมทบจะกระทบทั้งผู้ประกอบการและรัฐเอง เท่ากับเพิ่มภาระซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจ
วันพุธที่ 4 มิ.ย.68 ที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี นางอันน์เกตุ ลีลาไพบูลย์ นายกสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยผู้ประกอบการประมงพาณิชย์จังหวัดปัตตานี จำนวนกว่า 100 คน รวมตัวกันไปยื่นหนังสือผ่าน นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติแรงงานทะเล ที่ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการ เมื่อครั้งการประชุม ครม.วันที่ 28 พ.ค.68 โดยเฉพาะในข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการนำแรงงานกลุ่มอาชีพประมงทะเลเข้าสู่ระบบประกันสังคม ทั้งที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว
กลุ่มผู้ประกอบการให้เหตุผลว่า แนวทางการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจประมงเป็นอย่างมาก และอาจทำให้อาชีพประมงล่มสลาย โดยขณะนี้ก็เหลือเรือประมงเพียง 200 กว่าลำเท่านั้นที่ยังคงประกอบอาชีพอยู่ได้ จากเดิมที่มีเรือทำประมงในพื้นที่กว่า 2,000 ลำ ฉะนั้นหากกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา และมีผลบังคับใช้จริง อาจทำให้อาชีพประมงประสบปัญหาอย่างหนัก ถึงขั้นล้มละลาย หรือล้มหายตายจาก
ดังนั้นทางสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานีและสมาชิกชาวประมงจังหวัดปัตตานีจึงมีมติเป็นเอกฉันท์คัดค้านการนำอาชีพแรงงานประมงทะเลเข้าระบบประกันสังคม และยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อส่งต่อให้กับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยด่วน
สำหรับเหตุผลประกอบที่สรุปในหนังสือที่ยื่นผ่านผู้ว่าฯปัตตานี สรุปสาระสำคัญของการคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อไม่ให้รวมอาชีพแรงงานประมงทะเล เข้าระบบประกันสังคม ดังนี้
1.แรงงานทำงานบนเรือประมงจะมีการหมุนเวียนเข้า-ออก การเคลื่อนย้ายแรงงานเกิดขึ้นเป็นปกติทั้งปี จึงไม่สอดคล้องในการนำแรงงานอาชีพประมงเข้าระบบประกันสังคม
2.แรงงานประมงเป็นลูกจ้างประเภทงานเกษตรกรรมที่จ้างตามฤดูกาล ไม่มีกำหนดวันและรูปแบบการจ้างที่คงที่ตายตัว ด้วยเรือประมงไม่ได้ออกทำการประมงสม่ำเสมอ เช่น ช่วงหน้ามรสุม ช่วงปิดอ่าวทั้ง 2 ฝั่งทะเล ไม่ได้ออกทำประมงตลอดทั้งปี ในบางลำออกทำการประมงเพียง 2-3 เดือน ก็หยุดจอดเรือ หรืออาจ 7-9 เดือนต่อปีเท่านั้น จึงมิใช่เหตุที่จะใช้เงื่อนไขเดียวกันในการทำประกันสังคมแรงงานในภาคอุตสาหกรรมหรืองานบริการทั่วไป
3.ผู้ประกอบการเรือประมงทั้งพาณิชย์และพื้นบ้านส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ประกอบอาชีพลักษณะบุคคลธรรมดา ไม่ใช่นิติบุคคล เป็นการประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่ส่งต่อและสืบทอดกันโดยธรรมชาติของครัวเรือน ไม่มีสำนักงาน ไม่มีรูปแบบการดำเนินกิจการทางธุรกิจการค้า การลงทุนที่ต้องมีสำนักงานตามการจดแจ้งเฉพาะ จึงเป็นการเพิ่มภาระและต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ
4.กระทรวงแรงงานได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การจัดสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพและสวัสดิการแก่แรงงานประมง ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ให้แรงงานภาคประมงได้รับการคุ้มครองสุขภาพและสวัสดิการ ซึ่งทำการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย มีค่าประกันสุขภาพอยู่แล้ว หากมีการเรียกเก็บเงินประกันสังคมอีก ก็จะซ้ำซ้อน เป็นการสร้างภาระให้ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ เกินกว่าสถานะเศรษฐกิจของชาติ ณ ปัจจุบัน อันเป็นการสร้างภาระให้กับเงินแผ่นดิน
5.กระทรวงแรงงานมีกฎหมายบังคับให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเงินทดแทนแล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งชาวประมงและแรงงานในเรือทุกคน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวอย่างเสมอภาค โดยมุ่งเน้นสวัสดิภาพและสวัสดิการ จึงมิใช่เหตุที่จะต้องจ่ายเงินซ้ำซ้อนให้เป็นภาระแก่ชาติอีก
@@ แก้กฎหมายให้เป็นสากล ดูแลสิทธิขั้นพื้นฐาน 7 กรณี
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแรงงานทะเล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยมีหลักการสำคัญ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ.2558 เพื่อให้กฎหมายใหม่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และเป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. 2549 (Maritime Labour Convention, 2006) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO)
โดยกำหนดให้การจ้างงานระหว่างเจ้าของเรือกับคนประจำเรืออยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมาย ว่าด้วยเงินทดแทน เพื่อให้คนประจำเรือได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายดังกล่าว รวม 7 กรณี เช่น
- สิทธิเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
- สิทธิกรณีคลอดบุตร
- สิทธิกรณีสงเคราะห์บุตร
- สิทธิกรณีชราภาพ
- สิทธิกรณีว่างงาน เป็นต้น
เดิมแรงงานทะเลไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่เป็นไปตามประกาศกระทรวงแรงงาน ซึ่งคุ้มครอง 3 กรณี
พร้อมทั้ง กำหนดห้ามเจ้าของเรือให้คนประจำเรือซึ่งอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ทำงานในเวลากลางคืน เว้นแต่ในกรณีเป็นการฝึกอบรมที่ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าหรือเป็นการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กรมเจ้าท่าให้การรับรอง หรือตามตำแหน่งหน้าที่ที่คนประจำเรือต้องทำในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนประจำเรือ
บทบัญญัติส่วนนี้เป็นการยกเลิกระบบอนุญาตแบบเดิม แล้วให้กรมเจ้าท่าซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบเกี่ยวกับการฝึกอบรมการทำงานของคนประจำเรือเป็นผู้ให้การรับรอง
ขณะที่ระบบเดิม กำหนดข้อยกเว้นให้ในกรณีเป็นการฝึกอบรมที่ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า หรือเป็นการฝึกอบรมตามตำแหน่งหน้าที่ที่คนประจำเรือต้องทำในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งต้องไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนประจำเรือ ให้ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมอบหมาย
