
แม่ทัพภาค 4 สั่งสอบหลังเพจ “หมาเฝ้าบ้าน” โพสต์ข้อมูลทหารถูกนำชื่อไปรับเบี้ยเลี้ยงสนาม แต่ไม่ได้ปฏิบัติงานจริง จนถูกหัวหน้าเรียกเงินคืน ด้าน กอ.รมน.ภาค 4 สน.แจงทันควัน เป็นเรื่องเข้าใจผิด เหตุกำลังพลมีชื่อพ้นภารกิจแล้ว แต่งานเอกสารยังไม่เรียบร้อย เบี้ยเลี้ยงยังจ่ายตรงเข้าบัญชี จึงต้องเรียกคืน คาดมีบางคนไม่พอใจ ใช้เงินหมดแล้ว จึงสร้างเรื่องร้องเรียนจนวุ่น
จากกรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการบรรจุกำลังพลเพื่อปฏิบัติราชการสนาม แต่ไม่ได้ออกปฏิบัติงานจริง เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.68 โดยในโพสต์ระบุว่า... “เบี้ยเลี้ยงสนาม ชื่อไป แต่ตัวไม่ได้ไปสักคน” เหตุเกิดที่ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย กองพลทหารราบที่ 15 หน่วย บก.ควบคุม ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ช่วงตุลาคม 67 มีการนำรายชื่อทหารชั้นผู้น้อยไปปฏิบัติภารกิจออกสนามในพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อเบิกเบี้ยเลี้ยงสนามวันละ 240 บาท แต่ละครั้งส่งไป 20 ชื่อ ชื่อไปแต่ตัวไม่ได้ไปสักคน
แต่พอเงินเข้า สั่งให้โอนเงินคืนผ่านไลน์กลุ่มทันที ให้โอนคืนบัญชีเจ้าหน้าที่ หากใครยังไม่โอนก็โดนหัวหน้าฝ่าย ยศพันโท เรียกมาคุย กำชับว่า “หากใครไม่มีเงินคืน ก็ให้ไปกู้ยืมเงินสวัสดิการหรือกู้ฉุกเฉินมา”...
ข้อมูลจากเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ยังมีภาพข้อความจากกลุ่มไลน์ ระบุว่า “@All ให้กำลังพลที่ฝากบรรจุฯ นำเงินส่งคืนประจำเดือน ม.ค.68 จำนวนคนละ 5,456 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชี ธ.ทหารไทยธนชาติ ชื่อนาย ---- เลขบัญชี ------ เมื่อโอนแล้ว ให้แจ้งสลิปลงในกลุ่มด้วยครับ ขอบคุณครับ”

ล่าสุดวันเสาร์ที่ 7 มิ.ย.68 ภายหลังทราบเรื่องดังกล่าว พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลในขั้นต้นแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้
1.กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 เป็นหน่วยขึ้นตรง กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ปฏิบัติงานภายใต้หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ในภารกิจรักษาความมั่นคงภายในของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 - 30 ก.ย.68
2.การจัดกำลังพลเข้าปฏิบัติงานของ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 จะขอรับการสนับสนุนจากหน่วยต่างๆ ของ กองพลทหารราบที่ 15 ซึ่งมีหน่วยขึ้นตรงตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับในปีงบประมาณ 2568 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้มีนโยบายหมุนเวียนกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ราชการสนาม ณ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 โดยให้ความเร่งด่วนต่อผู้ที่ปฏิบัติงานในส่วนอำนวยการของหน่วยปกติเป็นหลัก เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสนาม
3.อย่างไรก็ตาม เริ่มต้นปีงบประมาณ 2568 ปรากฏว่า กำลังพลส่วนที่มีรายชื่อปฏิบัติงานใน กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 ชุดใหม่ ยังไม่สามารถโอนถ่ายภาระงานของหน่วยปกติที่รับผิดชอบอยู่ให้กับกำลังพลชุดใหม่ที่เข้ามารับงานต่อได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจ ประกอบกับงานด้านเอกสารมีขั้นตอนการปฏิบัติที่ต้องให้ผู้รับงานใหม่ฝึกปฏิบัติควบคู่กับกำลังพลที่ทำอยู่แล้วเดิม
ต่อมาพบว่ากำลังพลชุดใหม่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เกรงจะกระทบต่อการบริหารจัดการด้านอำนวยการของหน่วย ดังนั้นนายทหารฝ่ายกำลังพล กองพลทหารราบที่ 15 จึงนำเรียนผู้บังคับบัญชาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและเสนอให้กำลังพลทั้ง 20 นายดังกล่าวยังคงปฏิบัติงานในหน่วยปกติ และขอให้พิจารณาจัดกำลังพลชุดใหม่ไปทดแทน
4.สำหรับเบี้ยเลี้ยงกำลังพลที่จะได้รับตามสิทธิเมื่อปฏิบัติราชการสนามนั้น เมื่อกำลังพลทั้ง 20 นาย มิได้ปฏิบัติงาน ณ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับ แต่เนื่องจากระบบการจ่ายเบี้ยเลี้ยงจะโอนตรงไปที่กำลังพลแต่ละนาย ดังนั้นนายทหารฝ่ายกำลังพล กองพลทหารราบที่ 15 จึงได้แจ้งกำลังพลเป็นรายบุคคลให้ส่งคืนเบี้ยเลี้ยงที่ได้รับในแต่ละเดือนกลับคืนไปยังจ่ากองร้อย ป้องกันชายแดนที่ 1-4 เพื่อรวบรวมและเตรียมส่งคืนให้กับ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เมื่อมีคำสั่งพ้นหน้าที่ของกำลังพลทั้ง 20 นายต่อไป
5.ต่อมาห้วงเดือน เม.ย.68 กอ.รมน.ภาค 4 สน.ได้ออกคำสั่งปฏิบัติหน้าที่ให้กับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย และกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 ดังนั้นกองบังคับการควบคุมสุริโยทัยและกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 จึงได้ยกร่างคำสั่งพ้นหน้าที่ของกำลังพลทั้ง 20 นาย และขอรับการสนับสนุนกำลังพลใหม่ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 ตั้งแต่ 1 มิ.ย.68 ซึ่งปัจจุบันกำลังพลชุดใหม่ บางส่วนได้ทยอยเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว
6.สำหรับเบี้ยเลี้ยงที่เป็นปรากฏในข่าวนั้น เนื่องจากต้องรอคำสั่ง กอ.รมน.ภาค 4 สนให้กำลังพลทั้ง 20 นายพ้นหน้าที่ก่อน จ่ากองร้อยที่เป็นผู้รวบรวมเงินทั้งหมด จึงจะสามารถนำส่งเงินคืนได้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีกำลังพลบางนายได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้เป็นการส่วนตัว ไม่นำส่งเงินที่ได้รับในแต่ละเดือนให้กับจ่ากองร้อย ส่งผลให้เมื่อระยะเวลาใกล้คำสั่งพ้นหน้าที่มีผลบังคับใช้แล้ว จะเป็นภาระที่หนักในการคืนเงินให้กับทางราชการ จึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่เข้าใจและนำเรื่องดังกล่าวร้องเรียนกับสื่อต่างๆ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นในการสร้างความเข้าใจและร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไป
กอ.รมน.ภาค 4 สน.ขอยืนยันว่า มิได้มีการบรรจุกำลังพลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามของกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1-4 แต่ไม่ได้ออกปฏิบัติงานจริงตามที่ปรากฏข่าวในสื่อแต่อย่างใด และขอเรียนให้ทราบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้น กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลทุกนาย โดยไม่มีนโยบายให้บรรจุกำลังพลโดยไม่ต้องออกปฏิบัติงาน เนื่องจากเป็นการทุจริตและส่งผลต่อประสิทธิภาพของหน่วย
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องต่อกรณีดังกล่าว ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกนาย ทั้งนี้หากผลการสอบข้อเท็จจริงพบว่าหน่วยหรือบุคคลใดกระทำความผิดตามที่ปรากฏในข่าว จะถือเป็นความผิดร้ายแรงฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยจะลงโทษตามระเบียบ และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
