
ข้อมูลจาก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่ทำแคมเปญรณรงค์ใหม่ ประเมินตัวเลขงบประมาณจาก “อาคารทิ้งร้าง” เพราะสร้างไม่เสร็จ ของหน่วยราชการต่างๆ คิดเป็นความเสียหาย มากกว่า 1 แสนล้านบาท
โดยตั้งข้อสังเกตว่า พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม จ.สงขลา มีอาคารถูกทิ้งร้างมากที่สุดในประเทศนั้น
อ่านประกอบ : องค์กรต้านโกง แฉ ชายแดนใต้แชมป์อาคารรัฐทิ้งร้าง-สร้างไม่เสร็จ!
อ่านประกอบ : เปิดข้อมูล 10 อาคารทิ้งร้างทั่วไทย ภาค ปชช.แฉ - ละลายงบกว่าพันล้าน

“ทีมข่าวอิศรา” สืบค้นข้อมูลจากข่าวเก่าๆ ของศูนย์ข่าวเอง และข่าวที่สื่อมวลชนทั่วไปเคยรายงาน รวมถึงการลงพื้นที่เพิ่มเติม พบว่าเพียงแค่การตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ก็พบอาคารถูกทิ้งร้างมากมายจริงตามที่ ACT ระบุเอาไว้
สรุปสิ่งก่อสร้างร้างที่ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ หรือสร้างไม่เสร็จ

1.โครงการก่อสร้างศูนย์เรียนรู้ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ใช้งบประมาณสร้างไปแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท ถูกทิ้งร้างมากว่า 17 ปี (เริ่มก่อสร้าง 2551) ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ค.68 มีการถ่ายโอนอาคารไปให้ อบจ.สงขลา เข้ามาดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงให้เป็นศูนย์ประชุมสัมมนาและศูนย์แสดงสินค้าครบวงจร

2.โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 และสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา เป็นอาคาร 4 ชั้น งบประมาณ 40 ล้านบาท เริ่มสัญญา 15 ก.ค.64 กำหนดแล้วสร็จ 6 มี.ค.66 แต่ถูกผู้รับเหมาทิ้งงาน ซึ่งทาง ป.ป.ช.อยู่ระหว่างดำเนินการฟ้องร้องค่าเสียหายจากผู้รับเหมาที่ทิ้งงาน
แต่ล่าสุดได้มีการจ้างผู้รับเหมารายใหม่ งบประมาณ 42.9 ล้านบาท เริ่มสัญญาใหม่ 21 ก.พ.68 สิ้นสุดสัญญา 1 พ.ค.69 และจะมีการดำเนินการโครงการก่อสร้างสำนังาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นการก่อสร้างระยะ 2 งบประมาณ 37.4 ล้านบาท อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับจ้าง

3.โครงการปรับปรุงแผงกันคลื่นที่จอดพักเรือท่าเทียบเรือปัตตานี และปรับปรุงพื้นที่หลังท่า จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นโครงการของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ใช้งบประมาณ รวมกว่า 400 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จ ตั้งแต่ พ.ย.2561 แต่ไม่สามารถใช้งานได้จริง เนื่องจากเป็นพื้นที่น้ำทะเลตื้นเขิน เรือเข้ามาจอดไม่ได้ ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นที่จอดเรือที่ชำรุดเสียหาย และซากเรือ จนชาวบ้านในพื้นที่ เรียกกันว่า “สุสานเรือ” หรือ “ป่าช้าเรือ”

4.อาคารหอประชุมเสมาตานี ซึ่งเป็นหอประชุมและอาคารเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหลังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดปัตตานี ในอำเภอเมืองปัตตานี สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2564 ด้วยงบประมาณ 7 ล้านบาทเศษ แต่ยังขาดงบประมาณอีกกว่า 5 ล้านบาท สำหรับตกแต่ง จัดซื้อคุรุภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ แต่กลับไม่ได้รับงบส่วนนี้ จึงไม่สามารถใช้งานในฐานะที่เป็นอาคารหอประชุมเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ ขณะนี้เป็นเวลา 4 ปีแล้ว ทำให้สภาพอาคารเริ่มทรุดโทรม

5.โครงการศูนย์ส่งเสริมอาชีพการนวดเพื่อสุขภาพ อ.เบตง จ.ยะลา งบประมาณเกือบ 16 ล้านบาท ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา และส่งต่อให้เทศบาลเมืองเบตงในปี 2558 แต่มีปัญหาการส่งมอบและตรวจรับงาน ทำให้อาคารถูกทิ้งร้างสภาพไม่ต่างจากป่าช้ามาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งอดีตผู้รับผิดชอบโครงการศูนย์ส่งเสริมอาชีพการนวดเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นข้าราชการหน่วยงานในพื้นที่ ก็ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตปลอมเอกสารรับเงินโครงการอบรมศูนย์นวด และนำคุรุภัณฑ์ของศูนย์นวดไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย

6.โครงการสร้างสนามกีฬาจังหวัดนราธิวาส ซึ่งจะต้องดำเนินการสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2562 แต่ก็สร้างไม่เสร็จและถูกทิ้งร้าง โดยเป็น 1 ใน 7 โครงการก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัดที่ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นผู้รับผิดชอบ งบประมาณรวม 1,200 ล้านบาท
สนามกีฬาจังหวัดนราธิวาสได้รับงบประมาณก่อสร้างกว่า 385,361,000 บาท โดยได้ทำ MOU ร่วมกับ 2 หน่วยงานในการดำเนินการก่อสร้าง คือ
หนึ่ง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพไทย ซึ่งรับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างอัฒจันทร์ประธาน (ทิศตะวันตก) ที่นั่ง 4 ชั้น เสาไฟส่องสว่าง 1,200 LUX อาคารที่่พัก 180 เตียง 4 ชั้นและระบบสาธารณูปโภค ซึ่งผลการดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด
สอง กรมทางหลวง (ศูนย์สร้างทางลำปาง) รับผิดชอบดำเนินการอัฒจันทร์วงรอบทิศเหนือ อัฒจันทร์วงรอบทิศใต้ อัฒจันทร์ตรงข้ามประธานทิศตะวันออก อาคารกระถางคบเพลิง อาคารอำนวยการ อาคารสกอร์บอร์ด สนามเทนนิส 6 คอร์ต พร้อมอาคารบริการ ระบบสาธารณูปโภคและจัดหาครุภัณฑ์ต่างๆ แต่กรมทางหลวงไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ ยังคงเหลืองานที่ต้องทำเกินครึ่ง เนื่องจากผู้รับจ้างทิ้งงานต้องยกเลิกสัญญา
