
จากกรณี นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา เขต 2 พรรคประชาชาติ อภิปรายในสภาช่วงปรึกษาหารือ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา "น้ำประปาไม่สะอาด" ในตำบลบุดี อำเภอเมืองยะลา ซึ่งเป็นปัญหาที่ชาวบ้านต้องทนทุกข์มานานกว่าสิบปี
โดยในการอภิปรายของ นายซูการ์โน ได้เปิดภาพน้ำจากก๊อกน้ำที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลบุดี ปรากฏว่าน้ำเป็นสีขุ่นแดงอย่างน่ากลัว จนไม่น่าจะใช้อุปโภคบริโภค หรือแม้แต่ล้างจานชาม หรือล้างมือได้ และ สส.ยังบอกว่า เคยอภิปรายเรื่องนี้มา 5 ครั้งแล้ว การประปาส่วนภูมิภาคก็ไม่ยอมขยายเขตประปาเพื่อให้บริการประชาชน
หลังจาก สส.ซูการ์โน อภิปรายเรื่องนี้ “ทีมข่าวอิศรา” ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ ตำบลบุดี อำเภอเมืองยะลา พบว่าน้ำจากก๊อกที่มีสีขุ่นแดง ไม่ใช่น้ำประปา แต่เป็นน้ำบาดาล ซึ่งชาวบ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำกันเอง

นายอับดุลเราะห์มาน อัลอับดุสสลาม นายกเทศมนตรีตำบลบุดี กล่าวว่า ในพื้นที่ประสบกับปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคมีสีขุ่นแดง และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นอย่างนี้มานานหลายสิบปี เนื่องจากสภาพธรณีวิทยาใต้ดินเป็นหินแดง แม้จะมีการเจาะบ่อบาดาล น้ำก็ยังคงเป็นสีแดง และมีกลิ่นรุนแรงจนไม่สามารถนำมาบริโภคได้
นอกจากนี้ น้ำยังมีลักษณะเป็นมัน และตกตะกอนเมื่อเก็บไว้นาน โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่น้ำจะขาดแคลนอย่างหนักจนไม่เพียงพอต่อการใช้ในชีวิตประจำวันและการเกษตร

ที่ผ่านมาประชาชนต้องหาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง บางส่วนต้องลงทุนซื้อถังกรองน้ำมาติดตั้งที่บ้านเพื่อให้ได้น้ำที่สะอาดขึ้น ขณะที่ชาวบ้านที่มีฐานะยากจน ต้องใช้วิธีตักน้ำจากบ่อมาใส่ในภาชนะเพื่อทิ้งไว้ให้ตกตะกอน 1-2 วัน ก่อนนำมาใช้ ซึ่งเป็นวิธีที่ยุ่งยากและไม่ถูกสุขอนามัยอย่างยิ่ง
ผลกระทบนี้ยังขยายไปถึงสถานศึกษา เช่น โรงเรียนบ้านจือนือแร ที่ต้องใช้น้ำบาดาลตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ทำให้มีปัญหาน้ำขุ่นแดงมาโดยตลอด จนต้องแก้ปัญหาด้วยการสูบน้ำใส่ถังพักไว้ 2-3 วัน เพื่อให้น้ำใสขึ้น แต่ก็ยังคงมีกลิ่นและไม่สามารถใช้ดื่มได้ จนต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาให้นักเรียนเป็นประจำ

นายกเทศมนตรี ได้พาทีมข่าวลงพื้นที่ไปดูสภาพภายในโรงเรียนบ้านจือนือแร ปรากฏว่าพบคราบสนิมสีแดงบนแทงก์น้ำ และคราบที่เกาะติดกระเบื้องห้องน้ำ จนทำให้กระเบื้องเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีน้ำตาลแดงทั้งหมด
“ผมเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่ถึง 1 ปี ได้พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ได้ทำหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังการประปาส่วนภูมิภาค ภาค 5 สงขลา เพื่อขอให้จัดทำโครงการประปาหมู่บ้าน แต่กลับได้รับคำตอบว่าเทศบาลตำบลบุดีไม่มีพื้นที่สำหรับจัดทำโครงการ ทั้งที่ทางเทศบาลได้เตรียมพื้นที่ไว้แล้วกว่า 2 ไร่ ทำให้เกิดคำถามถึงเหตุผลที่แท้จริงของการปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือครั้งนี้” นายอับดุลเราะห์มาน กล่าวอย่างข้องใจ

ด้านชาวบ้านบุดี เล่าว่า ตนทำอาชีพเกษตร ช่วงหน้าแล้งก็ขาดแคลนน้ำ เป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ต้องอาศัยรถน้ำของเทศบาลไปขนน้ำจากพื้นที่อื่นมาใช้ในการบริโภคเท่านั้น ขอเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบโดยตรงเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังด้วย
จากการลงพื้นที่พิสูจน์ความจริงของ “ทีมข่าวอิศรา” พบว่าปัญหา “น้ำขุ่นแดง” ของตำบลบุดี ไม่ใช่แค่เรื่องของน้ำที่ไม่สะอาด แต่คือปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่สะท้อนถึงการขาดการดูแลอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ เป็นความท้าทายที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางออกอย่างยั่งยืน และเพื่อยุติความเดือดร้อนที่ประชาชนที่ต้องอดทนมานานหลายปี
