
ปัญหาการทำประมงโดยใช้ “โพงพาง” ในทะเลสาบสงขลา จัดว่ายืดเยื้อเรื้อรังยาวนานมาตั้งแต่ พ.ศ.2491
แม้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามหาทางแก้ไข แต่ทุกครั้งก็จะโดนขัดขวางจากชาวบ้านในพื้นที่ โดยอ้างว่า “เป็นวิถีทำมาหากินดั้งเดิม”
แต่ในความเป็นจริงการใช้ “โพงพาง” ขัดต่อ พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 มาตรา 67 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ซึ่งเครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมาย โดย (1) เครื่องมือโพงพาง รั้วไซมานหรือกั้นซู่รั้วไซมาน เครื่องมือลี่ หรือเครื่องมืออื่นที่มีลักษณะและวิธีการคล้ายคลึงกัน…
ส่วนความผิดในมาตรา 103 วรรคสามชี้ชัด ในกรณีที่ไม่ปรากฏตัวบุคคลซึ่งติดตั้งเครื่องมือทำการประมง สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งใดๆ ลงในที่จับสัตว์น้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจรื้อถอนได้ เมื่อรื้อถอนแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่เก็บรักษาเครื่องมือหรือวัสดุที่รื้อถอนไว้เป็นเวลาสามสิบวัน ถ้าเจ้าของไม่มาแสดงตนเพื่อขอคืน ให้เครื่องมือหรือวัสดุดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน และพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจทำลาย ขาย หรือดำเนินการอื่นได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด

ส่วนมาตรา 146 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 67 (1) ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง...
การใช้ “โพงพาง” นอกจากส่งผลกระทบด้านระบบนิเวศแล้ว ลักษณะการวางของมันเพื่อดักจับสัตว์น้ำยังกีดขวางร่องน้ำ เป็นอันตรายต่อการเดินเรือ ตามประกาศของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค ที่ 2/2567 เรื่อง แนวเขตร่องน้ำการเดินเรือเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
@@ งัดแผนระยะเร่งด่วน 7 ขั้นตอน หวัง end game!

สำนักงานประมงจังหวัดสงขลาได้ดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหา (แผนระยะเร่งด่วน) 7 ขั้นตอน ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในพื้นที่ผ่านตัวแทนชาวประมงโพงพาง และผู้นำทางศาสนา
ขั้นตอนที่ 2 จัดทำแนวเขตพื้นที่ร่องน้ำ โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา ได้จัดทำแผนที่ร่องน้ำทะเลสาบสงขลา พร้อมทั้งระบุตำแหน่งพิกัด และจำนวนเครื่องมือประมงโพงพางที่กีดขวางร่องน้ำ มีทั้งหมดจำนวน 13 แถว 159 ช่อง (ได้รับงบประมาณปี พ.ศ.2568)
ขั้นตอนที่ 3 สำรวจและจัดทำบัญชีรายชื่อเจ้าของเครื่องมือประมงโพงพางในร่องน้ำเดินเรือ ตั้งแต่บริเวณหัวพญานาค จนถึงท่าเทียบเรือประมงสงขลา 2 (ท่าสะอ้าน) ซึ่งคณะทำงานแก้ไขปัญหาฯ ได้ร่วมบูรณาการลงเรือสำรวจและจัดทำบัญชีรายชื่อเจ้าของเครื่องมือประมงโพงพางในบริเวณร่องน้ำทะเลสาบสงขลา และระบุพิกัดของโพงพางเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวม 13 แถว 159 ช่อง
@@ ขอรัฐจ่ายเยียวยา 5 แสน แลกเลิกทำประมงโพงพาง

ขั้นตอนที่ 4 สร้างการรับรู้และความเข้าใจ รับฟังความคิดเห็นของชาวประมงโพงพาง
คณะทำงานแก้ไขปัญหาฯ ร่วมกับอำเภอสิงหนคร จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้จัดทำแบบสอบถามเสนอให้ผู้ประกอบการโพงพางปรับเปลี่ยนอาชีพจากการทำการประมงโพงพางเป็นอาชีพอื่นแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
อีกทั้งผู้ประกอบการโพงพางมีข้อเสนอเรียกร้องให้รัฐจ่ายเงินเยียวยาจากการเลิกทำการประมงโพงพางจำนวนช่องละ 500,000 บาท หากรัฐยินยอมจ่ายเงินตามจำนวนดังกล่าว ผู้ประกอบการโพงพางจะยินยอมรื้อถอนเครื่องมือประมงโพงพาง
@@ เมินคำสั่งประมงจังหวัด ส่งตัวแทนขอชะลอการรื้อถอน

ขั้นตอนที่ 5 การรื้อถอนเครื่องมือประมงโพงพางอย่างมีส่วนร่วม และการให้ผู้มีส่วนได้เสียร่วมกันในการแก้ไขปัญหา
โดยสำนักงานประมงจังหวัดสงขลาได้มีคำสั่งที่ 16/2567 เรื่อง ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สร้างลงในที่จับสัตว์น้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองรื้อถอนเครื่องมือประมงประจำที่ประเภทโพงพาง และหรือเครื่องพันธการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เฉพาะแนวพื้นที่ร่องน้ำจำนวน 13 แถว 159 ช่อง ตามประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา ที่ 2/2567 เรื่อง แนวเขตร่องน้ำการเดินเรือเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ ในบริเวณร่องน้ำทะเลสาบสงขลา ตั้งแต่ช่วงบริเวณหัวพญานาคไปจนถึงท่าเทียบเรือประมงสงขลา 2 (ท่าสะอ้าน) ระยะทางกว้าง 300 เมตร ยาว 5,000 เมตร ออกจากบริเวณดังกล่าว นับแต่วันที่ปิดคำสั่ง 9 ก.พ.67
แต่ชาวประมงผู้ใช้เครื่องมือโพงพางไม่ให้ความร่วมมือ และยังได้ส่งตัวแทนเข้าปรึกษาหารือกับประธานที่ปรึกษาคณะทำงานแก้ไขปัญหาการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย เพื่อให้ส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องประชุมปรึกษาหาทางออกโดยไม่ให้เกิดความขัดแย้ง และขอให้คณะทำงานแก้ไขปัญหาการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ชะลอการรื้อถอนออกไปก่อน
@@ ผู้ว่าฯ ระดม จนท.ลงเรือ 20 ลำ เปิดปฏิบัติการรื้อถอน

ล่าสุดเมื่อเวลา 00.01 น. วันพฤหัสบดีที่ 7 ส.ค.68 ภายใต้การอำนวยการของ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกรมประมง ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 2, กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ, ศรชล.ภาค 2, ศรชล.จังหวัดสงขลา, กอ.รมน.จังหวัดสงขลา, สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา, ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และฝ่ายปกครอง นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเรือกว่า 20 ลำ เข้าทำการรื้อถอนโพงพาง บริเวณปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้ทะเลสาบสงขลา และคืนร่องน้ำปลอดภัยในการเดินเรือให้ผู้สัญจรและเรือขนส่งสินค้า
โดยเจ้าหน้าที่ได้บูรณาการกำลังแบ่งเป็น 3 ชุด ลงเรือมุ่งเป้าเข้ารื้อถอนโพงพาง 13 แถว จำนวน 159 ปาก เริ่มจากการใช้เรือยางของกรมประมงเข้าไปตัดเชือกที่ผูกติดอยู่กับเสาโพงพาง ซึ่งเป็นวัสดุที่ยึดตรึงโพงพางไว้ ก่อนทำการตัดอวนตาข่ายที่จมอยู่ใต้น้ำ

แต่เนื่องจากเชือกและเสาโพงพางแต่ละต้นมีความสูงใหญ่ บวกกับถูกปักไว้เป็นเวลานานหลายปี และเป็นปฏิบัติการในเวลากลางคืน จึงทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก
เมื่อตัดเชือกออกแล้วทางทัพเรือภาคที่ 2 ต้องใช้เรือหลวง ผูกเชือกลากถอนเสาโพงพางแต่ละต้น ก่อนนำเสาโพงพางที่รื้อถอนได้บรรทุกขึ้นเรือหลวง เพื่อนำขึ้นฝั่งและอายัติไว้เป็นของกลางในการดำเนินคดีต่อไป
@@ ก๊วนประมงโพงพางขับเรือหางยาว - จุดพลุไล่ จนท.

อย่างไรก็ตาม ขณะเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการอยู่นั้น มีชาวประมงโพงพางในพื้นที่ได้นำเรือหางยาวขับไล่ตามเรือราชการ จุดพลุส่งสัญญาณและโทรศัพท์ตามชาวบ้านให้นำเรือประมงเข้ามาสมทบ เพื่อขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ มีการตะโกนด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยคำหยาบคาย หาว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ โดยยังคงอ้างเหตุผลเดิมว่า โพงพางคือวิถีชีวิตของชาวบ้าน
ขณะเดียวกันยังมีชาวประมงโพงพางบางส่วนได้นำเรือหางยาวหลายสิบลำ เทียบท่านำกำลังชาวบ้านปิดท่าเรือไว้ ไม่ให้เรือของราชการขึ้นท่าได้ พร้อมฉายไฟใส่ และตะโกนต่อว่าเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ก็พยายามไกล่เกลี่ย ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ และพยายามอธิบายเหตุผลของการปฏิบัติว่าเป็นนโยบายของจังหวัดสงขลา
มีรายงานจากทางจังหวัดว่า การเปิดปฏิบัติการรื้อถอนโพงพางในครั้งนี้โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากก่อนหน้าทางราชการการได้ดำเนินการสร้างการรับรู้ ประชุมชี้แจง ด้วยนโยบายผ่อนปรนมาโดยตลอด
และหากพิจารณาตามแผนการแก้ไขปัญหา (แผนระยะเร่งด่วน) 7 ขั้นตอน ซึ่งการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ อยู่ในขั้นตอนที่ 6 คือ ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (ตามความจำเป็น) ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 มาตรา 67 (1) เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใช้เครื่องมือโพงพาง
@@ ประมงโพงพางผิดกฎหมาย รัฐจ่ายเยียวยาให้ไม่ได้

แหล่งข่าวจากสำนักงานจังหวัดสงขลา ระบุว่า ทางจังหวัดมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ปัญหาประมงโพงพางผิดกฎหมายในทะเลสาบสงขลา อยากให้ชาวประมงเข้าใจและยอมรับเพราะกฎหมาย คือระเบียบ คือกติกาของการอยู่ร่วมกันในสังคม สำคัญที่สุดคืออยากให้พี่น้องชาวประมงในพื้นที่เข้าใจผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เกิดจากการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย รวมถึงผลกระทบด้านการคมนาคมขนส่งทางน้ำ ความกังวลด้านความปลอดภัย ทำให้จังหวัดและประเทศเสียผลประโยชน์ทางการค้า
ส่วนข้อเสนอที่ชาวประมงเรียกร้องให้รัฐจ่ายเงินเยียวยาจากการเลิกทำการประมงโพงพาง จำนวนช่องละ 500,000 บาทนั้น แหล่งข่าวยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากประมงโพงพางเป็นการกระทำผิดฝ่าฝืนกฎหมาย และการที่ชาวบ้านกล่าวหาว่าภาครัฐทำเกินกว่าเหตุคงไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าหากเจ้าของโพงพางไม่ดำเนินการตามประกาศของสำนักงานประมงจังหวัดสงขลา ทางจังหวัดจำเป็นต้องยกระดับความเข้มข้นด้วยการบังคับใช้กฎหมาย โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน อันจะนำมาสู่การปัญหาอย่างยั่งยืน
หลังจากนี้ทางจังหวัดสงขลา จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนที่ 7 คือ การควบคุม เฝ้าระวัง กำกับดูแล หลังการรื้อถอนเครื่องมือประมงโพงพาง ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องเมื่อมีการรื้อถอนเครื่องมือประมงโพงพางทั้งหมด จนเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
