
การประกาศผล 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2568 ของกระทรวงวัฒนธรรม ได้สร้างความยินดีให้กับชาวสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อชื่อของ “ชุมชนคุณธรรมหัวตลาด” อำเภอเมืองปัตตานี ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 10 ชุมชนต้นแบบของประเทศ
รางวัลนี้ไม่ใช่แค่ความสำเร็จของชุมชน แต่สะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือที่แข็งแกร่งของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประวัติศาสตร์พหุวัฒนธรรมอันยาวนานที่หล่อหลอมชุมชนแห่งนี้มาอย่างน่าสนใจ

จาก “ตลาดจีน” สู่ศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ชุมชนหัวตลาด หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กือดาจีนอ” ในภาษามาลายู แปลว่า “ตลาดจีน” ตั้งอยู่ในพื้นที่ถนนอาเนาะรู ถนนปัตตานีภิรมย์ และถนนฤาดี ในตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี ในอดีตพื้นที่แห่งนี้คือ “ตลาดสด” แห่งแรกของเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่คึกคัก เนื่องจากตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำปัตตานี ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ
การผสมผสานของวัฒนธรรมที่หลากหลายนี้เองที่หล่อหลอมให้ “หัวตลาด” หรือ “กือดาจีนอ” มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา ทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม และชาวจีนที่เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา มีการจัดงานประเพณีต่างๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นงานประจำปีที่ศาลเจ้าเล่งจูเกียง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” และงานเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม ทำให้ชุมชนแห่งนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว หรือ “ศาลเจ้าเล่งจูเกียง” เป็นหัวใจสำคัญของชุมชนหัวตลาดและเมืองปัตตานี สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อยู่คู่กับชุมชนมาอย่างยาวนานกว่า 400 ปี เป็นที่เคารพสักการะของทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีน และเป็นสถานที่จัดงาน ประเพณีแห่พระลุยไฟ ที่โด่งดังระดับประเทศในทุกปี
เรื่องราวของ “ลิ้มกอเหนี่ยว” หญิงสาวผู้มาตามหาพี่ชาย “ลิ้มโต๊ะเคี่ยม” ที่หนีมารับราชการในปัตตานี และได้สร้างมัสยิดกรือเซะขึ้น กลายเป็นตำนานที่สะท้อนถึงความผูกพันและประวัติศาสตร์ร่วมกันของชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมในพื้นที่ การอยู่ร่วมกันของศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ใกล้กับมัสยิดเก่าแก่จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความกลมเกลียวที่ฝังรากลึกในชุมชนมาอย่างยาวนาน

เสียงสะท้อนจากคนในชุมชนต่อการได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย แต่เป็นผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ที่ร่วมกันขับเคลื่อนชุมชนตามแนวทาง “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”
"ถ้าจะให้เล่าความรู้สึกของคนในชุมชน ก็ต้องบอกว่ารางวัลนี้มันเกินคาดจริงๆ เหมือนเป็นความฝันที่เป็นจริงเลย" นายสุชาติ สุภาพร อายุ 65 ปี ชาวบ้านในชุมชนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"ทุกคนในชุมชนดีใจกันยกใหญ่เลย เพราะทุกคนมีส่วนร่วมกันหมดเลย ทั้งคนเฒ่าคนแก่ที่คอยเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง พวกพ่อค้าแม่ค้าที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว น้องๆ เยาวชนที่มาร่วมกิจกรรม แล้วก็ผู้นำชุมชนที่คอยประสานงานทุกอย่าง"
"ที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราคือ 'ความสามัคคี' ชุมชนเรามีทั้งพี่น้องชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีนที่อยู่ร่วมกันมานานหลายร้อยปี เราเคารพซึ่งกันและกัน มีกิจกรรมอะไรก็ทำร่วมกันตลอด รางวัลนี้จึงเป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่า ความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรมไม่ใช่ปัญหา ถ้าเราเปิดใจรับฟังและอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ"

การได้รับรางวัลครั้งนี้คือเครื่องยืนยันว่า “หัวตลาด” หรือ “กือดาจีนอ” สามารถนำจุดแข็งด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งรากเหง้าดั้งเดิม ซึ่งนับเป็นโมเดลที่น่าสนใจและสามารถเป็นตัวอย่างให้กับชุมชนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
สำหรับก้าวต่อไป ชุมชนคุณธรรมหัวตลาดจะยังคงเดินหน้าพัฒนาและต่อยอดศักยภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระดับประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว และเป็นแรงบันดาลใจให้กับพื้นที่อื่นๆ ในการนำมรดกทางวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ ให้กับชุมชนของตนเอง
