
สะเทือนสีกากี! จากกรณี “ตำรวจจับตำรวจ” พัวพันยาเสพติด แต่ลือแซ่ดผู้บังคับบัญชาสั่งปล่อยเฉย “ผกก.รือเสาะ” ออกโรงโต้ แจ้งผู้ต้องหาได้ประกันจากศาล ไม่ใช่ปล่อยตัวช่วยเหลือกัน ยันทำตามกฎหมาย ด้าน ผบช.ภ.9 สั่งตรวจสอบ ลั่นไม่ปกป้องคนผิด
คดีอื้อฉาวในวงการตำรวจพื้นที่ชายแดนใต้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อเพจดัง “พระจันทร์ ลายกระต่าย V5” ออกมาแฉพฤติกรรมผู้กำกับการ (ผกก.) โรงพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า ได้เข้าช่วยเหลือและสั่งปล่อยตัวตำรวจที่ถูกจับกุมในคดียาเสพติด
ยิ่งในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่มีการแฉเรื่องนี้ ก็มีเหตุคาร์บอมบ์ครั้งรุนแรงเกิดขึ้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พอดี (20 ส.ค.) ยิ่งทำให้บางฝ่ายนำไปจับโยงว่าเป็นเรื่อง “ภัยแทรกซ้อน” เกี่ยวกับยาเสพติด หรือปฏิบัติการตอบโต้อะไรกันหรือไม่
ล่าสุด พ.ต.อ.ศุภชัย ศุภกิจจารักษ์ ผกก.สภ.รือเสาะ ซึ่งถูกพาดพิง ได้ออกโรงโต้กลับอย่างดุเดือด ยืนยันว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างครบถ้วน ไม่ได้มีการปล่อยตัวตำรวจพัวพันยาเสพติดตามที่ถูกกล่าวหา

จากข้อมูลเชิงลึกที่ตรวจสอบโดย “ทีมข่าว” พบว่า ข้อกล่าวหาเรื่องช่วยผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งเป็นตำรวจ หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 ส.ค.68 ที่ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจได้เข้าจับกุม ส.ต.ท.คิรายุทธ อุทยาน อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 21 หลังจากผู้บังคับหมวดพบว่า ส.ต.ท.คิรายุทธ ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่เวรยามบนหอคอย จากการตรวจค้น ยังพบยาบ้า 12 เม็ดซุกซ่อนในกระเป๋ากางเกงยุทธวิธี และกระเป๋าสะพายหลัง โดย ส.ต.ท.คิรายุทธ ยอมรับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของตนเองจริง และซื้อมาเพื่อเสพ
หลังการจับกุม ส.ต.ท.คิรายุทธ ถูกนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะที่โรงพยาบาลรือเสาะ ซึ่งผลยืนยันว่าพบสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง” และ “เสพยาเสพติดโดยฝ่าฝืนกฎหมาย”
ต่อมา เพจพระจันทร์ ลายกระต่าย V5 อ้างข้อมูลว่า มีการปล่อยตัวผู้ต้องหารายนี้ แถมเลี้ยงดูปูเสื่อผู้ต้องหาและครอบครัวเป็นอย่างดี โดยข้อความในเพจมีการพาดพิงถึงตำรวจระดับสูงในโรงพัก สภ.รือเสาะ ด้วย
@@ ผกก.รือเสาะ แจงผู้หาต้องได้ประกัน ไม่ใช่ปล่อยตัว

หลังมีข่าวออกมา “ทีมข่าว” จึงได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ศุภชัย ศุภกิจจารักษ์ ผกก.สภ.รือเสาะ ได้รับคำชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาเรื่องปล่อยผู้ต้องหาไม่เป็นความจริง โดยยืนยันว่าหลังจากจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีและฝากขังตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาได้ยื่นขอประกันตัว และได้รับการอนุมัติจากศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา
"เราไม่ได้ปล่อยตัวผู้ต้องหา เราดำเนินคดีฝากขังตามกระบวนการ เขาได้ขอประกันตัวออกมาจากศาล ก็เป็นสิทธิ์ของเขาอยู่แล้ว" พ.ต.อ.ศุภชัย ระบุ
พร้อมทั้งยืนยันว่าได้ส่งรายงานการให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัย ส.ต.ท.คิรายุทธ ต่อไป ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากอำนาจในการสั่งให้ตำรวจออกจากราชการเป็นของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ไม่ใช่ของตน
@@ ผบช.ภ.9 เพิ่งรู้เรื่อง สั่งตรวจสอบ ลั่นไม่ปกป้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม้จะมีการชี้แจงจาก ผกก.สภ.รือเสาะ แต่กระแสวิจารณ์และกังขายังไม่จบ “ทีมข่าว” จึงสอบถามไปยัง พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ได้รับคำตอบว่า เพิ่งรับทราบจากข่าว และจะตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด
“เราจะไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิดเด็ดขาด โดยเฉพาะหากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง” ผบช.ภ.9 ระบุ
@@ ชาวบ้านไม่มีหวัง แฉข่าวฉาวมีเป็นระยะ
อย่างไรก็ดี จากการพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ สะท้อนความไม่เชื่อมั่นการทำหน้าที่ของตำรวจ โดยบอกว่าข่าวลักษณะนี้ออกมาบ่อยครั้ง จึงอยากให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส ยึดกฎหมายเป็นหลักอย่างแท้จริง
“ปัจจุบันในพื้นที่ยาเสพติดระบาดหนักมาก ทั้งยาบ้าและน้ำกระท่อมยังมีการขายกันอย่างเปิดเผย” ชาวบ้านรายหนึ่ง กล่าว
@@ นโยบายรัฐขึงขัง แต่ของจริงยังเงียบ

เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด หรือ ครส.ได้ใช้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นำร่องหลายๆ มาตรการเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติด เช่น
- การประกาศใช้ “กฎอัยการศึก” กับผู้ค้าและเครือข่ายข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถใช้อำนาจตาม “กฎหมายพิเศษ” เชิญตัวเข้าให้ข้อมูลได้เลย ไม่ต้องขอหมายจับ เหมือนกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง
- การประกาศ “วาระพืชกระท่อม 120 วัน” เพื่อกดดันให้ลด ละ เลิก การจำหน่ายพืชกระท่อมและน้ำใบกระท่อมในพื้นที่ชุมชน โดยเฉพาะริมถนนหนทาง
- การประกาศเพิ่มอำนาจให้สำนักงาน ป.ป.ส. เสนอคณะรัฐมนตรี ย้ายข้าราชการที่ถูกกล่าวหาหรือมีหลักฐานเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ทันที
- ขณะเดียวกันก็ให้สำนักงาน ป.ป.ส.มีอำนาจเสนอคณะรัฐมนตรีไม่ให้ย้ายข้าราชการที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เครือข่ายผู้ค้าใช้อิทธิพลกดดันให้มีการย้ายข้าราชการดีๆ ออกจากพื้นที่ไป
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับข้าราชการในพื้นที่พัวพันยาเสพติด โดยเฉพาะตำรวจ กลับยังไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษ หรือเสนอโยกย้ายข้าราชการรายใดออกจากตำแหน่งตามมาตรการเข้มที่ได้ประกาศเอาไว้แม้แต่รายเดียว
