
ฤดูนี้เอกชนเดือดร้อน คนร้ายลอบวางเพลิงเผาเครื่องจักรก่อสร้างถนนชลประทานที่กะพ้อ ปัตตานี “รถแบคโฮ – ปั้นจั่น” วอด เสียหายหลักล้าน ซ้ำรอยเหตุการณ์ถล่มสำนักงาน พร้อมเครื่องจักรกลหนักของบริษัททำเหมืองที่จะแนะ ด้านปฏิบัติการเผากล้องวงจรปิดลุกลามหนัก เผยคดีตัวอย่าง เผาแค่ 2 กล้อง ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงนี้คนร้ายพุ่งเป้าทำลายทรัพย์สินของเอกชนที่เข้าไปทำงานก่อสร้างโครงการต่างๆ ในพื้นที่
โดยเมื่อเวลา 03.00 น. วันจันทร์ที่ 25 ส.ค.68 เกิดเหตุลอบวางเพลิงเผาเครื่องจักรและที่พักคนงานของโครงการก่อสร้างถนนชลประทาน ในพื้นที่บ้านมะกอ หมู่ 1 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี
หลังทราบเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ ปรากฏว่าพบรถแบคโฮได้รับความเสียหาย 2 คัน ปั้นจั่น 1 ตัว และที่พักคนงานอีก 1 หลัง โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีคนงานอยู่ จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า โครงการก่อสร้างดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินการของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) มะซาสัมพันธ์ ซึ่งมี นายดำริห์ สาแล๊ะ อดีตนายก อบต.จะรัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นเจ้าของ โดยมีหุ้นส่วนอีก 8 คน ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและผู้นำชุมชน
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมถึงประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งหมด ซึ่งคาดว่าอาจจะหนักถึงหลักล้านบาท
สาเหตุในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า อาจจะมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจ หรือความขัดแย้งเกี่ยวกับการดำเนินโครงการชลประสานนี้ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
@@ ซ้ำรอยถล่มทรัพย์สินบริษัททำเหมืองแร่ที่จะแนะ
เป็นที่น่าสังเกตุว่า ในพื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปทำลายอาคารสำนักงานของบริษัททำเหมืองแร่ และเผาทำลายรถแบคโฮ รถบรรทุกสิบล้อเทท้ายต่อพ่วง ได้รับความเสียหายรวม 7 คัน
การก่อเหตุดังกล่าว หากเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบของกลุ่มขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน ก็ถือว่าเป็นความพยายามทำลายทรัพย์สินของภาคเอกชน เพื่อสะท้อนความล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง
@@ เผากล้อง-วางวัตถุต้องสงสัยใกล้บ้าน ผญบ.ยะรัง
เวลา 23.30 น. ของวันอาทิตย์ที่ 24 ส.ค.68 มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนก่อเหตุเผาทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ที่ติดตั้งบนเสาไฟฟ้าตามเส้นทางภายในหมู่บ้านบือแนปีแน หมู่ 7 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับบ้านของ นางสาวนูรีซัน กาโฮง ผู้ใหญ่บ้านบือแนปีแน
หลังก่อเหตุคนร้ายยังได้วางวัตถุต้องสงสัย มีลักษณะเป็นวัสดุทรงกลม พันด้วยเทปสีดำ และมีสายไฟโผล่ออกมา โดยวางไว้บริเวณโคนเสาไฟฟ้าต้นที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วย
เจ้าหน้าที่และผู้นำชุมชนจึงได้เข้าปิดกั้นพื้นที่ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่อีโอดี และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ และเก็บกู้ไว้ได้อย่างปลอดภัย
@@ เผากล้องอีก 2 อำเภอ รือเสาะ - จะแนะ

ส่วนที่ จ.นราธิวาส วันเดียวกัน เกิดเหตุเผาทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.รือเสาะ กับ อ.จะแนะ มีรายละเอียดดังนี้
เวลา 08.14 น. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารพรานว่า มีกล้องวงจรปิดของทางราชการถูกทำลายได้รับความเสียหายจำนวน 6 ตัว ใน 3 ตำบลของ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ประกอบด้วย
1.บริเวณบ้านปูโป๊ะ หมู่ 2 ต.รือเสาะออก กล้องวงจรปิดถูกดึงลงมาเผาทำลายเสียหาย 2 ตัว
2.บริเวณสายแยกมัสยิดบ้านบือเจาะ หมู่ 5 ต.สาวอ กล้องวงจรปิดถูกยิงด้วยอาวุธปืน เสียหาย 2 ตัว
3.บริเวณบ้านปูโป หมู่ 1 ต.สามัคคี กล้องวงจรปิดถูกทุบทำลาย และตัดสายไฟ เสียหาย 2 ตัว

เวลา 15.00 น. ได้รับแจ้งจาก นายฮารง บาแย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 บ้านยารอ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ว่ามีการเผาบริเวณฐานที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด ทำให้สายไฟของกล้องวงจรปิดของชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้รับความเสียหาย กล้องวงจรปิดใช้งานไม่ได้
@@ คาดฝีมือ “แนวร่วมรุ่นใหม่” ลงสนามทดสอบความกล้า
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า การก่อเหตุเผากล้องทั้งใน อ.รือเสาะ และ อ.จะแนะ น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่มุ่งเป้าทำลายเครื่องมือติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ความไม่สงบของฝ่ายรัฐ โดยการส่งแนวร่วมรุ่นใหม่ออกมาฝึกทดสอบความกล้าหาญ เพื่อเตรียมความพร้อมพัฒนาไปสู่สมาชิกระดับปฏิบัติการต่อไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบยังคงมีความพยายามสร้างและผลิตแนวร่วมรุ่นใหม่เพื่อขับเคลื่อนการก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้
@@ ศาลฎีกาพิพากษา “คุก 4 ปี” มือเผากล้องปี 64

ด้านการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุเผาทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกจับกุมได้ และดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
เมื่อเร็วๆนี้ มีรายงานว่า ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาจำคุก 4 ปี นายมะนาเซ สาหลำ ในความผิดฐานก่อการร้าย, อั้งยี่ และวางเพลิงเผาทรัพย์ จากพฤติกรรมก่อเหตุลอบเผากล้องโทรทัศน์วงจรปิด ในพื้นที่บ้านหรั่ง ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 1 ก.พ.64
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.20 น. นายมะนาเซได้ก่อเหตุลอบเผากล้องวงจรปิด 2 ตัว ที่ติดตั้งอยู่บนเสาไฟฟ้าบริเวณสามแยกทางเข้าวัดโมลีนิมิตร โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพผู้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน และมีพยานยืนยันตัวตน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายมะนาเซได้ในวันที่ 7 ก.พ.64 และดำเนินคดีจนถึงที่สุด มีคำพิพากษาของศาลฎีกาให้จำคุก 4 ปี
